Thursday, November 13, 2008

สพท.โคราชคุมเข้ม ร.ร.ดัง-เรียกรับเงินแป๊ะเจี้ย

นครราชสีมา (12 พ.ย.) สพท.โคราชเขต 1 คุมเข้มสถานศึกษาเรียกรับเงินแป๊ะเจี้ยจากผู้ปกครอง ที่ต้องการฝากบุตรหลานเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนดัง หากเปิดรับบริจาคต้องหลังเสร็จสิ้นฤดูกาลรับนักเรียนป้องกันข้อครหา ด้าน ร.ร.อนุบาลโคราชหนุนแนวคิด ดีเอสไอ.เข้าตรวจสอบระบบรับนักเรียน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีแผนจะดำเนินการกวาดล้างการเรียกรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ย เพื่อเข้าเรียนในสถานศึกษาชื่อดัง ในระดับชั้น ป.1 เนื่องจากเป็นปัญหาสะสมมานานหลายปี และมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น

เกี่ยว กับเรื่องนี้ นายกมล ศิริบรรณ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพท.นม.1 ) เปิดเผยว่า นโยบายการรับนักเรียน โดยห้ามเรียกเก็บเงินแป๊ะเจี้ย ตนได้เน้นย้ำและกำชับเป็นประจำทุกครั้งที่เข้าประชุมร่วมกับ ผอ.สถานศึกษา โดยแนวทางการรับนักเรียนจะต้องเป็นไปตามกฎกติกา เริ่มตั้งแต่การจับสลาก ไปจนถึงการสอบคัดเลือก ส่วนกิจกรรมของแต่ละสถานศึกษาที่อ้างหาทุนสนับสนุนการเรียนการสอน ก็จะต้องดำเนินการหลังจากเสร็จสิ้นฤดูกาลการรับนักเรียนแล้ว มิเช่นนั้น จะเกิดข้อครหาตามมาภายหลัง ที่สำคัญจะต้องเป็นความเต็มใจของผู้ปกครองที่ต้องการจะบริจาค ห้ามมีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านนายทอง วิริยะจารุ ผอ.โรงเรียนอนุบาล นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานศึกษา ระดับประถมศึกษา ที่ได้รับความนิยมของบรรดาบุตรหลานผู้มีชื่อเสียงในตัวเมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา เป็นโรงเรียนประถมขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนนักเรียนถึง 4,900 คน เป็นโรงเรียนที่ได้รับความนิยม และถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีระดับมาตรฐานสูง จึงทำให้ผู้ปกครองต่างมีความต้องการที่จะให้บุตรหลานของตนเองเข้าศึกษาใน สถาบันแห่งนี้

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีแผนที่จะดำเนินการกวาดล้าง การเรียกรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ย เพื่อเข้าเรียนในสถานศึกษาต่างๆ นั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อระบบการรับนักเรียนเข้าศึกษาแต่อย่างใด เนื่องจากทางโรงเรียนได้กำหนดการรับนักเรียนเข้าเรียนตั้งแต่ช่วงชั้นอนุบาล 1 โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่เขตบริการ ซึ่งหมายถึงนักเรียนทั้ง จ.นครราชสีมา แต่ความเป็นจริงจะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่อยู่ในเขต อ.เมืองนครราชสีมา เสียก่อน และเมื่อรับสมัครเกินจำนวนที่กำหนดไว้ต้องทำการจับสลากเข้าศึกษา โดยกำหนดจำนวนห้องเรียนไว้ 12 ห้อง จำนวนนักเรียน 40 คนต่อ 1 ห้อง หากมีความจำเป็นต้องขยายจำนวนนักเรียนเพิ่มเติมได้ไม่เกินห้องละ 50 คน

" สำหรับขั้นตอนการเปิดรับสมัครของทางโรงเรียนฯ นักเรียนที่เข้ามาตั้งแต่ขั้นตอนแรก กล่าวคือ เมื่อสำเร็จช่วงชั้นอนุบาล 2 จะถูกรับขึ้นชั้น ป.1 ทุกคนทันที แต่หากมีการเปิดรับนักเรียนจากภายนอกโดยไม่ได้ผ่านเข้ามาตั้งแต่ขั้นตอนแรก จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม โดยกำหนดรับนักเรียนภายนอกเข้าเรียนไม่เกิน 4-5 คน" นายทอง กล่าว

อย่างไร ก็ตาม แผนการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นสิ่งที่ดีในการตรวจสอบระบบการรับนักเรียนศึกษาต่ออย่างสุจริต โปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้พยายามทำความเข้าใจกับผู้ปกครองทุกคน เข้าใจ และยอมรับปฏิบัติตามนโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และได้ขอร้องว่าอย่าใช้ตำแหน่งข้าราชการ ตำแหน่งทางการเมือง ระบบธุรกิจ และอิทธิพลต่างๆ เข้ามาแทรกแซงระบบการศึกษา ในรูปแบบอุปถัมภ์ หรือแป๊ะเจี๊ยะ เพื่อต้องการให้บุตรหลานเข้าศึกษา

ข้อมูลจาก คมชัดลึก

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ