ดร. ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ.ได้ข้อสรุปจะของบกลางจากรัฐบาลไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท หรือหากไม่ได้ก็จะเปลี่ยนแปลงรายจ่ายงบปี 2552 เพื่อมาทำเมกะโปรเจกท์ พัฒนาการจัดการศึกษาเป็นพิเศษ ซึ่งจากการหารือผู้บริหารศธ.ทั้งผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนได้แนวทางเบื้องต้นว่า เมกะโปรเจกท์ของศธ.จะเน้นลงทุนพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ เน้นครูสาขาขาดแคลน เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ซึ่งสพฐ.จะร่วมมือพัฒนากับสถาบันส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (สสวท.) และ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์
นอกจากนี้จะมีโครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสถานศึกษา เน้นซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเรียนที่ทรุดโทรมไม่ปลอดภัย อายุการใช้งานเกินกว่า 30 ปี และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีให้กับสถานศึกษา จัดระบบ อี-เลิร์นนิ่ง (E-Learning) ให้สถานศึกษาทั่วประเทศใช้ไอซีที ส่งเสริมการเรียนการสอนทุกระดับชั้น จัดให้มีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตถึงในโรงเรียนต่างๆ
"จะประสาน กรมประชาสัมพันธ์ ขอเพิ่มคลื่นความถี่วิทยุเพื่อการศึกษา 10-11 คลื่นความถี่ เพื่อจัดทำวิทยุชุมชนเพื่อการศึกษาให้เข้าถึง มีโรงเรียนเป็นสถานที่จัดรายการ ให้ครูและนักเรียนสร้างสรรค์ผลงานผ่านรายการวิทยุชุมชนฯ ส่วนโทรทัศน์เพื่อการศึกษามีช่อง สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) อยู่แล้วก็จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" ปลัดศธ. กล่าว
ปลัดศธ. กล่าวอีกว่า การอาชีวศึกษามุ่งแปลงโฉมให้เป็นอาชีวะที่ทันสมัย ปรับปรุงสถานศึกษาอาชีวะของรัฐที่ทรุดโทรมให้ดูดี มีอุปกรณ์ทันสมัยในการเรียนการสอนมากขึ้น และร่วมมือกับสถานประกอบการพัฒนาการเรียนการสอนตลอดเวลา จะทำโครงการพัฒนาอุดมศึกษาของไทยให้เป็น เอ็ดดูเคชั่น ฮับ (Education Hub) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงทุนพัฒนาคณาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยให้มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกตาม เกณฑ์มาตรฐานที่ควรเป็น ปัจจุบันอาจารย์มหาวิทยาลัยมีวุฒิปริญญาเอกต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน นั่นคือมีวุฒิปริญญาเอกเพียงร้อยละ 26 เท่านั้น อีกทั้งพัฒนาศักยภาพมหาวิทยาลัยไทยให้ทำวิจัยมากขึ้น
ข้อมูลจาก คมชัดลึก
No comments:
Post a Comment