Friday, November 7, 2008

รับนร.ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ-เด็กฝาก"ศรีเมือง"สั่งผอ.เขตพื้นที่คุมเข้ม

"ศรีเมือง" สั่ง ผอ.เขตพื้นที่กำชับ ร.ร.ทำแผนรับนักเรียน ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ-เด็กฝาก เดินหน้าแก้ปัญหาครูขาดแคลน-ครูไม่ผ่านประเมินวิทยฐานะ จี้ สพท.ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ขอเวลาศึกษาแยกประถม-มัธยมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เลขาธิการ กพฐ.มอบนโยบายสพท.พัฒนา ร.ร.-เด็กให้ดีขึ้น ดึงผู้ปกครองช่วยดูแลนักเรียน

เมื่อวันที่6 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเจริญศรี จ.อุดรธานีนายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าว ระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การ ศึกษา (สพท.) 185 เขตว่า เรื่องการรับนักเรียน-ขอให้ผอ.สพท.ไปกำชับผอ. โรงเรียนกำหนดแผนรับนักเรียนให้เรียบร้อย และที่สำคัญไม่ให้มีการฝากเด็กและ รับเงินแป๊ะเจี๊ยะ อยากให้ดำเนินการอย่างใสสะอาดบนพื้นฐานของความจริงใจโดย ไม่เรียกรับเงินรับทอง เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในสมัยที่ตนดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยจ่ายเงิน แป๊ะเจี๊ยะให้ใคร

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาการขาดแคลนครูจะเร่งบรรจุครูใหม่ เป็นครูที่ ตรงวุฒิ และเร่งแก้ปัญหาครูที่ไม่ผ่านประเมินวิทยฐานะ ซึ่งเร็วๆ นี้จะ ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพื่อหารือ เรื่องเกณฑ์การประเมินใหม่อยากให้ สพท.ปรับการเรียนการสอนโดยให้เด็กมีเวลา เล่นกีฬามากขึ้น เพราะงานเรื่องวิชาการนั้น ปัจจุบันพัฒนาไปในทางที่ดีอยู่ แล้ว เห็นได้จากการแข่งขันทางวิชาการ ซึ่งเด็กนักเรียนได้รับรางวัลเหรียญ ทอง เหรียญเงินมามากมาย เช่น การแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ส่วนเรื่องการแยก ประถมและมัธยม ต้องศึกษาว่าทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษามากที่สุด

คุณหญิงกษมาวรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้น ฐาน (กพฐ.) กล่าวหลังประชุมผอ.สพท.185 เขตว่า วันที่ 3-4 ธันวาคมนี้จะเชิญ ผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดัง 390 แห่งมาหารือเรื่องนโยบายการรับเด็ก เพราะ ยังหนักใจปัญหาเรื่องการเรียกเก็บเงิน ขณะนี้ขอให้ สพท.วางแผนเรื่องจัด ห้องเรียนส่วนโรงเรียนคู่พัฒนา ต่อไปจะต้องมีโรงเรียนเก่งที่มาร่วมเป็น โรงเรียนคู่พัฒนาเพิ่มขึ้น ซึ่ง สพฐ.จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

"การประชุมครั้งนี้มีเรื่องที่เน้นเป็นพิเศษหลายเรื่อง คือ เรื่อง การประเมินโรงเรียน สพท.ต้องลงไปดูให้ไม่มีโรงเรียนที่ยังอยู่ในระดับ ปรับปรุงและขอให้ช่วยโรงเรียนที่อยู่ในระดับพอใช้ให้พัฒนาตัวเองไปสู่ระดับ ดีหรือดีมาก รวมทั้งขอพยายามผลักดันให้โรงเรียนนำผลประเมินการทดสอบทางการ ศึกษาระดับชาติ (เอ็นที) ไปใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์มาก ที่สุดที่สำคัญอยากให้พยายามส่งเสริมเด็กที่เรียนอยู่ในเกณฑ์ปรับปรุงให้ลด น้อยลงและระดับพอใช้ให้เพิ่มสูงขึ้น" คุณหญิงกษมากล่าว

ส่วนการพัฒนาครูนั้นขอให้กำหนดว่า เมื่อพัฒนาครูแล้วจะต้องทำอะไร ได้บ้าง เน้นเรื่องการเขียนแผนการเรียนการสอน ใช้คอมพิวเตอร์ช่วย สอน (CAI : Computer Assisted Instruction) ได้ที่สำคัญครูจะต้องใช้สื่อการ เรียนการสอนที่ทันสมัยได้ ขณะเดียวกันต้องกำหนดด้วยว่า เมื่อได้รับการเรียน การสอนแล้ว เด็กควรจะทำอะไรได้บ้าง สำหรับการบรรจุครูกว่า 1.7 หมื่นอัตรา นั้น ขอให้ ผอ.สพท.ไปวางแผนการบรรจุให้ดีว่าโรงเรียนใดขาดครูสาขาใด จำนวน เท่าไหร่ และบรรจุให้ตรงกับสาขาที่ขาดแคลน

ข้อมูลจาก คมชัดลึก

No comments: