Tuesday, November 4, 2008

สพฐ.สุ่มเข้มตรวจโรงเรียนแอบขยายห้อง

ตามที่นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงนามเห็นชอบในประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนในสังกัด สพฐ. ประจำปี การศึกษา 2552 ซึ่งยังยึดแนวนโยบายเดิมของปีการ ศึกษา 2551 นั้น คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ในส่วนของนักเรียนที่จบชั้น ม.3 และจะขึ้นชั้น ม.4 ในโรงเรียนเดิมนั้น จะคงนโยบายเดิมเป็นหลัก โดยเด็กจะไม่ได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติ แต่ในปีนี้ได้เพิ่มเติมว่าโรงเรียนจะต้องแสดงให้เห็นว่าดูแลเด็กเป็นอย่างดี ไม่ ละเลยเด็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์ และระบุเพิ่มเติมว่าควรจะต้องแจ้งเกณฑ์การเรียนต่อชั้น ม.4 ให้เด็กทราบตั้งแต่ ตอนเข้า ม.1 เพื่อให้ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ทั้งนี้ โรงเรียนควรแนะแนวช่วยเหลือเด็กที่เรียนอ่อนด้วย ซึ่งหลักเกณฑ์ ของแต่ละโรงเรียนที่กำหนด อาจจะแตกต่างกันได้ ส่วนการขยายห้องเรียนนั้น สพฐ.จะสุ่มตรวจเข้มข้นกว่าเดิมเพราะพบว่าบางแห่งขยายห้องเรียนโดยไม่ได้แจ้ง ให้ทราบ

คุณหญิงกษมากล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเด็กล้นนั้นในปีการศึกษา 2552 ปัญหาน่าจะลดน้อยลงเพราะกรุงเทพมหานครจะรับนักเรียนเข้าเรียนชั้น ม.1 ในโรงเรียนในสังกัดเพิ่มอีก 2,000 คน และจะเปิดโรงเรียนเพิ่มอีกใน 2-3 จุด ในส่วนของการเปิดห้องเรียนพิเศษนโยบายในปี 2551 อนุญาตให้โรงเรียนเปิดเพิ่มเป็น 4 ห้อง แต่ได้พบว่าจำนวนห้องเรียนในแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน บางแห่งเมื่อเปิด 4 ห้องแล้ว เหลือจำนวนห้องเรียนสำหรับเด็กทั่วไปไม่มาก จึงได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าเมื่อเปิด 4 ห้องพิเศษแล้ว สัดส่วนต่อห้องเรียนปกติต้องไม่น้อยกว่า 20 : 80 ในกรณีที่คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะรับเกิน สัดส่วน 20 : 80 ให้ขอความเห็นชอบจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นกรณีไป ทั้งนี้จะประชุมร่วมกับโรงเรียนมัธยมศึกษายอดนิยมเรื่องปัญหาค่าใช้จ่าย โรงเรียนคู่พัฒนา การทำแผนรับนักเรียนในอนาคต ซึ่ง สพฐ.จะขยายการรับในระดับ ม.ปลายให้มากขึ้น ส่วนกรณีที่นายศรีเมืองห่วงใยเรื่องการเรียกรับเงินบริจาคนั้น ในช่วงระหว่างการรับสมัครคัดเลือกนักเรียนโรงเรียนห้ามเรียกรับเงินบริจาค แต่รับได้ในวันที่มอบตัว.

No comments: