Wednesday, June 30, 2010

อึ้งเด็กป.3 อ่านไม่เป็น-เขียนไม่ได้

ที่ประชุม สพฐ. รับทราบรายงาน การประเมินการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พบ นักเรียนชั้น ป.3 หลายหมื่นคน อ่านออกเสียงและเขียนไม่ผ่านเกณฑ์ เร่ง สพท. ทำแผนรณรงค์เสริมทักษะ...

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อประกันคุณภาพผู้เรียนในระดับชั้น ป.3 ปีการศึกษา 2552 ของโรงเรียนสังกัด สพฐ. เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ การอ่านออกเสียง การเขียน และการคิดคำนวณ มีนักเรียนเข้ารับการประเมินทั้งสิ้น 523,469 คน ผลประเมินพบว่า ความสามารถทางการอ่านออกเสียงของนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 37,813 คน คิดเป็นร้อยละ 7.22 ลดลงจากปีการศึกษา 2551 ซึ่งมีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 49,499 คน คิดเป็นร้อยละ 8.82 ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ คำที่มีตัวการันต์ ความสามารถทางการเขียน มีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 93,880 คน คิดเป็นร้อยละ 17.74 ซึ่งตัวเลขยังคงที่เท่ากับในปี 51 ที่มีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์99,558 คน คิดเป็นร้อยละ 17.74 ความสามารถทางการคิดคำนวณ มีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 119,374 คน คิดเป็นร้อยละ 22.29 ลดลงจากปี 51 เล็กน้อยจากเดิมที่มีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ 141,929 คน คิดเป็นร้อยละ 25.29

ชงเพิ่มอายุเฉลี่ยคนแก่ 60 เป็น 65 ปี

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เสนอ เลื่อนอายุขั้นต่ำของผู้สูงอายุ เป็น 65 ปี ขึ้นไป เนื่องจาก พบว่า คนอายุ 60 ปี ส่วนใหญ่ยังมีสุขภาพดี และมีชีวิตที่เหลือยาวนานกว่าเดิม...

รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รอง ผอ.สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า คนไทยมีอายุยืนมากขึ้น เมื่อเทียบกับ 50 ปีก่อนที่มีอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดไม่ถึง 50 ปี ปัจจุบันอายุคาดเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 73 ปี สถานการณ์ที่คนไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้นเช่นนี้การนิยามผู้สูงอายุโดยดูจากอายุหรือชีวิตที่ยังเหลืออยู่น่าจะเหมาะสมกว่าการนิยามด้วยจำนวนปีปฏิทินที่คนมีชีวิตอยู่มาแล้ว เพราะสมัยนี้คนอายุ 60 ปีส่วนใหญ่ยังมีสุขภาพดีและจะมีชีวิตที่เหลืออยู่เฉลี่ยอีกนานกว่า 20 ปี สถาบันจึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับสังคมไทยว่า ประเทศไทยควรจะเลื่อนอายุขั้นต่ำของผู้สูงอายุจาก 60 ปีเป็น 65 ปีขึ้นไป

นอกจากนี้ การวิจัยนำร่อง "การสำรวจทัศนคติต่อผู้สูงอายุจากมุมมองคนสองวัย" พบว่าคนวัยทำงานและเด็กวัยรุ่นมีทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุวัยต้น (60-69 ปี) มากกว่าผู้สูงอายุวัยปลาย (80 ปีขึ้นไป) และไม่เห็นว่าผู้สูงอายุน่าเบื่อหรือเป็นภาระ ไม่เห็นด้วยว่าผู้สูงอายุควรไปอยู่บ้านพักคนชรา ทั้งนี้ สถาบันจะจัดประชุมวิชาการหัวข้อ "คุณค่าผู้สูงอายุในสายตาสังคมไทย" วันที่ 1 ก.ค. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์.

หยิบกรวดใส่ขวด...สัจจะสหกรณ์นาหม่อมนั่งทับขุมเงินกว่า 900 ล้าน

เป็นหนึ่งองค์กรที่ก้าวผ่าขวากหนาม แต่ด้วยการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่รวมตัวกันเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่น ทั้งยังมีระบบบริหารและการควบคุมภายในที่ดี จึงประสบความสำเร็จ...

หยิบก้อนกรวดใส่ขวดโหล...เป็นปรัชญาของ สมาชิกสัจจะออมทรัพย์ สหกรณ์การเกษตรนาหม่อม จำกัด เพื่อสร้างความตระหนักถึงการออม จากสิ่งที่ราคาน้อยนิดอย่างมีมูลค่า

สหกรณ์การเกษตรนาหม่อม จำกัด อยู่เลขที่ 175/1 หมู่ 5 ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งองค์กรที่ก้าวผ่าขวากหนาม แต่ด้วยการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่รวมตัวกันเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่น ทั้งยังมีระบบบริหารและการควบคุมภายในที่ดี จึงประสบความสำเร็จและ ยืนหยัดอยู่ได้ อย่างมั่นคง

สหกรณ์แห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2524 แรกเริ่มมีสมาชิก 162 คน มีทุนเรือนหุ้นเพียง 8,100 บาท ในช่วงแรกยังขาดศักยภาพการบริหารจัดการ เงินทุนไม่เพียงพอจึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้

กระทั่งปี 2527 จึง ระดมทุนด้านเงินรับฝาก และ เพิ่มการถือหุ้น อีกครั้ง พร้อม ดำเนินธุรกิจรวมซื้อ โดยจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงปัจจัยการผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายให้แก่สมาชิก...ฐานะของสหกรณ์จึงค่อยเริ่มมั่นคง

นายธงชัย เชิดชู หัวหน้าการตลาดฯ บอกถึงการสร้างศักยภาพของสหกรณ์แห่งนี้ว่า.....ผู้นำสหกรณ์ที่นี่เป็นผู้เสียสละ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่หวังผลตอบแทน ทุกคนต่างเสียสละรวมใจเป็นหนึ่งเดียว จากเล็กไปหาใหญ่ เกิดความเชื่อใจยอมรับซึ่งกันและกัน...ผลประโยชน์จึงกลับไปให้ทุกคนโดยอัตโนมัติ

นางสาวเรืองไร รองวงศ์ ผู้จัดการสหกรณ์ เล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า.... สหกรณ์มีสมาชิกสามัญจำนวน 4,111 คน แบ่งออกเป็น 38 กลุ่ม และสมาชิกสมทบอีก 15,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา...

...สหกรณ์ได้ขับ เคลื่อนพัฒนาธุรกิจ ตามแผนกลยุทธ์ภายใต้วิสัยทัศน์ ที่ว่า...."เป็นองค์กรที่มั่นคง บริหารซื่อตรงโปร่งใส ก้าวไกลธุรกิจ และบริการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นมิตรต่อชุมชน" ซึ่งทุกกิจกรรมเน้นดึงสมาชิกเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมวางแผนพัฒนา โดยมุ่งสร้างความมั่นคงให้ทั้งสหกรณ์และสมาชิก

ขณะนี้มีการดำเนินธุรกิจ 3 ธุรกิจหลัก มีทุนดำเนินการรวมกว่า 1,303.11 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจรวมซื้อประมาณ 60 ล้านบาท ธุรกิจสินเชื่อวงเงินกว่า 846.90 ล้านบาท และ ธุรกิจบริการด้านรับฝากเงิน (รวมสัจจะออมทรัพย์) ไม่น้อยกว่า 911.43 ล้านบาท....ปี 2552 ที่ผ่านมา สหกรณ์มีกำไรสุทธิรวม 26,464,811.24 บาท...ปันผลตามทุนเรือนหุ้นของสมาชิก

....สมาชิกสหกรณ์ทุกคนจะต้องเข้าร่วมโครงการสัจจะออมทรัพย์ ซึ่งมีข้อตกลงว่าให้สมาชิกทุกรายฝากเงินอย่างน้อย 50 บาท แต่ไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน และต้องฝากอย่างน้อยเดือนละครั้ง วิธีการนี้เป็นช่องทางช่วยให้สมาชิกมีเงินเก็บออม แล้วสหกรณ์ก็นำเงินฝากมาดำเนินธุรกิจสินเชื่อ โดยปล่อยให้สมาชิกกู้ยืม (แบบอัฐยายซื้อขนมยาย แต่ก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน)

....ซึ่งสามารถกู้ได้ 5 ประเภท ได้แก่ กู้สามัญและเงินกู้ฉุกเฉิน คิดอัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี กู้ส่งเสริมอาชีพ อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี กู้ยืมเพื่อการศึกษาสมาชิกและครอบครัว คิดอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี กู้เพื่อที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน 3.5% ต่อปี และ กู้เพื่อกลุ่มอาชีพไม่คิดอัตราดอกเบี้ย

ซึ่งก็จะมีหนี้เสีย หรือ NPL บ้าง ประมาณ 4-5% ต่อปี ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกที่มีปัญหาหนี้สะสมหลายทางและมีหนี้นอกระบบด้วย สหกรณ์จะช่วยลดภาระหนี้ให้สมาชิกที่ปัญหาหนักด้วยการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไป พร้อมหยุดดอกเบี้ยไม่ให้พอกพูนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ได้มีโครงการจัดชั้นสมาชิกเงินกู้ด้วยการแยกเป็นลูกหนี้ชั้นดี (เกรด A) ลูกหนี้ชั้นดีเยี่ยม (เกรด AA) และลูกหนี้ชั้นดีเลิศ (เกรด AAA) ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่าง เช่น ได้รับส่วนลดดอกเบี้ยและสามารถกู้เงินด่วนได้ เป็นต้น

จาก สัจจะออม และ สัจจะกู้ ของสมาชิก...คณะกรรมการบริหารสหกรณ์ได้สร้างความเชื่อมั่น บริหารงานและบริหารเงินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และ ตรวจสอบย้อนกลับได้...ว่า

กรวดที่หยิบใส่ขวด (โหล) แต่ละก้อน มิได้ สูญหายไปไหน...มีความมั่นคง และส่งผลให้คุณภาพชีวิตส่วนรวมดีขึ้น...!!!

แบบอย่างความสำเร็จของ "สหกรณ์การเกษตรนาหม่อม จำกัด" เป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้ หากต้องการสัมผัส ติดต่อ 0-7438-2860-1 หรือ 08-1897-7211 จะได้กำหนดวันและเวลาที่สะดวก...ในการเยี่ยมเยือน..

สกศ.แนะวางแผนอนาคตการศึกษาชาติ 3 ระยะ

เลขาธิการ สกศ. แนะ เร่งดำเนินการการศึกษาไทย ใน 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว มุ่งกระจายให้องค์กรต่างๆ เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐบาล...

รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า จากรายงานการวิจัยเรื่อง ภาพการศึกษาไทยในอนาคต 10-20 ปี พบว่า มีดังนี้ 1.สังคมโลกที่เป็นสังคมของการแข่งขัน สังคมสิทธิมนุษยชนและสังคมพอเพียง ซึ่งสังคมไทยต้องหันมาให้ความสำคัญเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางชีวิตและสังคม 2.อนาคตจะเป็นเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงและมีความระมัดระวังมากขึ้น 3.สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ 4.ทิศทางของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทศวรรษใหม่ จะเชื่อมโยงกันมากขึ้น แต่ละสาขาจะแตกแขนงในเชิงลึกมากขึ้นเพื่อสร้างความรู้ใหม่ 5.การเมืองการปกครองประเทศต่างๆ จะปกป้องผลประโยชน์ประเทศของตนมากขึ้น เพิ่มความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน การปกครองที่คำนึงถึงการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย 6.โครงสร้างประชากรวัยเรียนจะลดลงถึงร้อยละ 25 ในอีก 15 ปีข้างหน้า ส่วนผู้สูงอายุมีมากขึ้น

รศ.ธงทองกล่าวอีกว่า การศึกษาในอนาคตของไทยมีโอกาสดีคือ การให้ความสำคัญต่อการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเพื่อการเตรียมรับกับอนาคต เราจึงต้องเร่งดำเนินการ 3 ระยะ คือ 1.ระยะเร่งด่วน ต้องเร่งรัดพัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษา 2.ระยะกลาง ต้องเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา 3.ระยะยาวในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องกระจายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน เอกชนและสถาบันทางสังคมเป็นผู้จัด ในส่วนอุดมศึกษา ต้องเปลี่ยนเป็นสถานศึกษาในกำกับรัฐ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและลดภาระงบประมาณของรัฐ.

ยุถอดมรดกโลกอยุธยาภูมิทัศน์แย่

นักวิชาการ โวยชาวบ้านเมินดูแล มรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จี้ รัฐเอาจริงจัดระเบียบผู้ค้า ทำสภาพภูมิทัศน์ย่ำแย่...

วันที่ 29 มิ.ย. 2553 รศ.เสนอ นิลเดช นักวิชาการด้านอยุธยาศึกษา และอาจารย์อาวุโสมหาวิทยาลัยศิลปากรกล่าวถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาว่า ปัญหาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มี 2 สาเหตุ คือ 1.เกิดจากคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ไม่ได้รักอยุธยาอย่างแท้จริงโดยเฉพาะผู้ค้า ส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นคนอยุธยาตั้งแต่กำเนิด 2.หน่วยงานภาครัฐไม่ได้เอาจริงกับการแก้ปัญหารวมทั้งไม่ได้จริงจังกับการจัดระเบียบและพัฒนาอยุธยาให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการมรดกโลกกำหนด สำหรับแนวทางการแก้ปัญหานั้นต้องเริ่มจากคนอยุธยาต้องหันมามองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่านึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมศิลปากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องเอาจริงในการจัดระเบียบไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ และ อปท.ต้องไม่พัฒนาอยุธยาไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ อปท.และกรมศิลปากรต้องมีหน้าที่ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ให้มีจิตสำนึกรู้จักหวงแหนมรดกโลก รักอยุธยามากกว่าที่เป็นอยู่หากไม่มีการปลูกจิตสำนึกให้แก่เด็กรับรองว่าต่อไปอยุธยาจะไม่เหลือความสวยงามเอาไว้

“ผมอยากให้ถอดถอนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาออกจากการเป็นมรดกโลก เพราะจากการที่ได้เห็นอยุธยาที่เป็นบ้านเกิดมากว่า 70 ปี รวมทั้งได้ทำการศึกษาประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอยุธยามาเกือบทั้งชีวิตไม่เคยเห็นอยุธยามีสภาพที่ย่ำแย่อย่างนี้ ร้านค้ารกรุงรังเต็มไปหมด แม้แต่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ก็แทบจะไม่มีการปลูกหญ้าให้สวยงามเห็นแล้วรู้สึกรำคาญสายตา หากคนอยุธยาไม่รักมรดกโลกแล้วก็ควรถอดถอนเสียดีกว่า” นักวิชาการด้านอยุธยาศึกษา กล่าว

ด้าน ศ.พิเศษศรีศักดิ์ วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) กล่าวว่าที่ผ่านมาการทำประชาพิจารณ์ถึงการปรับภูมิทัศน์อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาของกรมศิลปากรมีการทำความเข้าใจกับ อปท. ประชาชน ตลอดจนผู้ค้าในพื้นที่ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีแผนงานทุกอย่างไว้ชัดเจนแล้วกลับกลายเป็นว่า ต่างคนต่างคิด ทางการก็ต้องการจะอนุรักษ์ แต่ชาวบ้านมองกว่าการอนุรักษ์ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จนเป็นปัญหาบานปลาย ดังนั้น กรมศิลปากร อปท. และผู้ว่าฯ ต้องนำแผนงานมาหารือกัน และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หากทำความเข้าใจในจุดนี้แล้ว การดำเนินงานน่าจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ร้องอย.นมยี่ห้อดัง กลายเป็นน้ำ สั่งอายัดสินค้าแล้ว

ร้องอย.ตรวจสอบนมยูเอชทียี่ห้อดัง หลังซื้อมารับประทานแล้วกลายเป็นน้ำ อย. สั่งอายัดสินค้า พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจโรงงานพบสายพานเครื่องจักรมีปัญหา จึงสั่งระงับการผลิตทันที...

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2553 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เปิดเผยว่าได้มีประชาชนย่านสุวินทวงศ์ และบางนา นำนมกล่องยูเอชทียี่ห้อดัง รสจืด ขนาด 180 มล. เข้าร้องเรียน หลังจากซื้อมารับประทานแล้วเปิดออกมากลายเป็นน้ำสีขุ่น ไม่มีกลิ่นนม แต่ภายนอกบรรจุภัณฑ์ไม่มีรอยแกะเปิด จึงได้สั่งเก็บตัวอย่างและตรวจล็อตการผลิตดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ หาโปรตีน ไขมัน เนื้อนม ที่กำหนดไว้ว่า ได้มาตรฐานหรือไม่เบื้องต้น

เจ้าหน้าที่ ออกสุ่มเก็บตัวอย่าง ที่ห้างย่านรามคำแหง และ โรงงานที่ทำการผลิตสินค้าล็อตดังกล่าวแล้ว พบว่าเมื่อตัดกล่องออกและเทออกมากลายเป็นน้ำใสๆ 1 กล่อง ยังไม่ทราบว่าเป็นน้ำอะไร ต้องรอการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน นอกจากนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ อย.ส่วนหนึ่งเข้าตรวจโรงงานผลิตนมกล่องยูเอชที ยี่ห้อดังกล่าวย่านสมุทรปราการ พบว่า มีเครื่องจักรในสายการผลิตล็อตเดียวกับสินค้าที่เป็นปัญหา เกิดการชำรุด จึงได้สั่งให้โรงงานหยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ และซ่อมแซม พร้อมทั้งสั่งอายัดสินค้า และให้บริษัทเก็บผลิตภัณฑ์ออกจากร้านค้าชั่วคราวจนกว่าจะตรวจสอบสำเร็จ

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าเป็นข้อเท็จจริงผู้ร้องเรียนสามารถร้องเรียนได้ที่ อย. ซึ่งอย.จะช่วยดูให้ แต่ต้องเป็นข้อเท็จจริง ส่วนแนวทางการดูแลด้านคุณภาพ เนื่องจากนมเป็นอาหาร กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ในการที่จะดูแลให้เป็นไปตามพรบ.อาหาร ให้อย.รับเรื่องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนมโรงเรียน ได้มอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดช่วยตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง หากพบมีปัญหาให้แจ้งบริษัทผู้ผลิตรับทราบและปรับปรุงแก้ไข หากถึงขั้นด้อยคุณภาพ ผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกันให้องค์กรปกครองท้องถิ่นที่จัดซื้อ พิจารณาว่าควรซื้อต่อไปอีกหรือไม่

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัญหานมไม่มีคุณภาพ ในช่วงหลัง ๆ มีการตรวจพบไม่มากนัก ความจริงเรื่องนมโรงเรียนมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน 1. ฝ่ายจัดซื้อ คือองค์การปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ 2. ผู้ตรวจรับคือโรงเรียน 3. กระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปช่วยตรวจสอบคุณภาพ ขณะนี้ ได้มีการอบรมครูในโรงเรียนก่อนตรวจรับนมขอให้ตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นก่อน เพื่อดูด้านกายภาพของนมว่า เสียหรือไม่ บูดหรือไม่ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการตรวจคุณภาพเชิงลึกว่ามีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนหรือไม่ ต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ก.วิทย์ฯจับมือแรงงาน ผุดโครงการรากฟันเทียมช่วยลูกจ้าง

กระทรวงวิทย์ฯ จับมือกระทรวงแรงงาน ร่วมทำโครงการฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติ ช่วยผู้ใช้แรงงาน 20,000 คน ที่ไม่มีฟันตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไปฟรี...

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพในช่องปาก และการบดเคี้ยวอาหารเป็นจำนวนมาก อันนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสุขภาพร่างกาย ทำลายคุณภาพชีวิตที่ดี และนำไปสู่ปัญหาอุปสรรคของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างเป็นลูกโซ่ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติด้านทันตกรรม พบประชาชนที่สูญเสียฟันที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร ตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไปจนหมดทั้งปาก มีอยู่ถึง 18 ล้านคน หรือร้อยละ 28 ของประชาชนในประเทศ และมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อันมีสาเหตุเริ่มต้นจากเป็นโรคฟันผุ โรคเหงือก จนนำไปสู่การถอนฟันออกตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไป

การรักษาโดยทันตกรรมรากฟันเทียม เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยม และให้ผลการรักษาที่ชัดเจน สามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามีฟันใช้บดเคี้ยวอาหารได้เป็นอย่างดีอีก แต่เนื่องจากค่าบริการการรักษามีราคาสูง ซี่หนึ่งมีราคาตั้งแต่ 60,000 บาท ไปจนถึง 120,000 บาท ทำให้ผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน หรือผู้ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาด้วยวิธีการนี้

ดังนั้น วท.จึงร่วมกับกระทรวงแรงงาน จัดทำโครงการรักษาฟื้นฟูแก้ปัญหาประชาชนไทยผู้ใช้แรงงาน ที่ไม่มีฟันตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไป ให้ได้รับการรักษาด้วยวิธีการทันตกรรมรากฟันเทียม ภายใต้ชื่อโครงการ “รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติ สำหรับประชาชนไทยผู้ใช้แรงงาน” จำนวนเริ่มแรก 20,000 ราก ให้กับผู้ใช้แรงงาน โดยมีศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมรากฟันเทียมตามพระราชดำริ จะเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีและการบริหาร จัดการ การให้บริการทันตกรรมรากฟันเทียม แก่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ กับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เพื่อให้โครงการดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ และบรรลุเป้าหมายของโครงการต่อไป.

Tuesday, June 29, 2010

องค์กรหลักไฟเขียวโรดแม็ปปฏิรูปรอบ 2

เพื่อพัฒนาวิชาชีพชุมชน/อุดหนุนการหารายได้ระหว่างเรียน โครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมวิชาการและพัฒนาทักษะอาชีพครบวงจร....

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโรดแม็ปเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ.2554-2557) ซึ่งประกอบด้วย 4 แผนหลัก คือ 1.แผนพัฒนาคุณภาพคนไทยยุคใหม่ 30 โครงการ ใช้งบประมาณ 15,798 ล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กสู่ศูนย์การเรียนรู้คุณภาพ 200 แห่ง โครงการอาชีวะต้นแบบเพื่อพัฒนาวิชาชีพชุมชน/อุดหนุนการหารายได้ระหว่างเรียน โครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมวิชาการและพัฒนาทักษะอาชีพครบวงจรในสถาบันการศึกษาปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.แผนพัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่ 9 โครงการ ใช้งบฯ 7,393 ล้านบาท อาทิ การผลิตครูพันธุ์ใหม่ โครงการปรับระบบการคัดเลือกการคัดสรรครู

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า 3.แผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ 12 โครงการ ใช้งบฯ 9,443 ล้านบาท อาทิ พัฒนาคุณภาพสถานศึกษายุคใหม่ 9,000 แห่ง โครงการสร้างแหล่งเรียนรู้ราคาถูก และ 4.แผนพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่ 17 โครงการ ใช้งบฯ 76,815 ล้านบาท อาทิ โครงการสนับสนุนทุนการศึกษานักเรียน/นักศึกษา ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ทุนอุดหนุนเฉลิมราชกุมารี ทั้งนี้ ได้มอบให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับโรดแม็ปให้สมบูรณ์ก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 (กนป.) และคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 (กขป.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยทุกองค์กรหลักต้องแสดงความรับผิดชอบในการขับเคลื่อน และรายงานความคืบหน้าที่ประชุมองค์กรหลักทุกสัปดาห์.

เผยรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล

คณาจารย์และบุคลากรที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 5 คนโดยทั้ง 5 คนได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานพระราชทานปริญญาบัตร วันที่ 5 ก.ค.นี้....

ศ.คลินิก ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2552 ว่า คณาจารย์และบุคลากรที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 5 คน คือ สาขาความเป็นครู ได้แก่ ศ.คลินิก ทญ. จิราภรณ์ ชัยวัฒน์ ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน คณะทันตแพทยศาสตร์ และ ผศ. นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, สาขาการประดิษฐ์ คือ รศ.รอ.นพ.ชลเวช ชวศิริ ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จากผลงานรถเข็นนั่งปรับยืนได้ หรือ Siriraj stand up ซึ่งศึกษาร่วมกับ รศ.พญ.ศรีนวล ชวศิริ รถเข็นนั่งปรับยืนได้นี้ ได้รับการจดสิทธิบัตรและพัฒนาเชิงพาณิชย์ และผลิตเพื่อมอบแก่ผู้ยากไร้ด้วย โดยรถเข็นนี้สามารถช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตท่อนล่างสามารถยืนได้ และลดแผลกดทับ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไทยทำได้เองในราคา 20,000-30,000 บาท ซึ่งถูกกว่านำเข้าจากต่างประเทศถึง 10 เท่า

อธิการบดี มม.กล่าวต่อว่า ส่วนสาขาการแต่งตำราคือ รศ.ดร.ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ ที่ปรึกษาอาวุโส คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ, สาขาการบริการ ได้แก่ น.ส.สอาด พิมพ์ปติมา รองหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล โดยทั้ง 5 คนได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานพระราชทานปริญญาบัตร วันที่ 5 ก.ค.นี้.

แมวน้ำ'แอฟริกาใต้'ตัวผู้สร้างอาณาจักรรอคู่

ช่วงนี้กระแสฟุตบอล "ฟีเวอร์" ซะเหลือเกิน และเพื่อไม่ให้ "เอาต์" หรือตกยุค หลายวันก่อนทางสวนสัตว์เชียงใหม่ จึงได้จับเอาแมวน้ำแอฟริกาใต้ เพศเมียที่ชื่อว่า "หนูแดง" กับ "ดีดี้" มาแต่งตัวแข่งขันบอลโลก เพื่อเรียกเสียงฮาจากผู้คนรอบข้าง

ส่วน...คณะที่ยกกันไปเกาะติดขอบสนามแข่งขันบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาได้ "กริ๊งกร๊าง" มาเล่าให้ ทีมงาน "หลายชีวิต" ฟังว่า ช่วงที่พอมีเวลาว่างหลายคนต่างท่องเรือไปอ่าว อู๊ตเบย์ (Hout Bay) อยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เยื้องลงมาทางตอนใต้ของเคปทาวน์ ซึ่งเดิมทีเป็นชุมชนประมงเก่า มีเกาะแมวน้ำ Duiker Island อยู่ห่างจากฝั่ง

..."แมวน้ำ" ที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ จะต่างจากแมวน้ำทั่วไป จัดอยู่ ในกลุ่ม Fur Seal ลักษณะคล้ายสิงโตทะเล พวกนี้ใช้ "ครีบ" เหมือนกับขาหลังเดิน ไม่ใช่กระดื๊บตัวไปเรื่อยๆเหมือนพวกที่อยู่แถวขั้วโลก เป็นกลุ่มขนดกมีนับสิบชนิด แต่พันธุ์ที่อาศัยอยู่ในแอฟริกา เรียกว่า Cape Fur Seal คำว่า Cape หมายถึงเขตเคปทาวน์และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในโลกพบแค่ 2 แห่ง ที่แรกอยู่แถว ออสเตรเลียตอนใต้ อีกที่คือ ตอนใต้ของทวีปแอฟริกา นี่เอง...

1 แมวน้ำแอฟริกาใต้หรือเคปเฟอร์ซีล อาศัยอยู่ในแถบทะเลใกล้เกาะเล็กๆทางแอฟริกาใต้ พวกมันเป็นสัตว์สังคมอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีนิสัยขี้เล่นชอบว่ายน้ำฉวัดเฉวียน หลอกล่อ ล่าเหยื่อหากิน ปลา ปลาหมึก หอย ตามผิวน้ำหรือน้ำตื้นๆ ซึ่งบางครั้งพวกมันก็สร้างความเดือดร้อนให้กับเรือของชาวประมง

เคปเฟอร์ซีล จะมีจมูกและดวงตากลมโตสีดำ หนวดที่ยาวแข็ง เขี้ยวแหลมคมสำหรับกัดกินเหยื่อและใช้ต่อสู้กับศัตรู หรือผู้บุกรุกเขตแดน มีใบหูขนาดเล็ก โดยตั้งแต่ข้างแก้มจมูกจนถึงลำคอที่เป็นสันใหญ่ จะมีขนขึ้นยาวประปราย มีครีบคู่หน้า 2 ข้าง แข็งแรง นอก จากสามารถพยุงตัวรับน้ำหนัก ใช้เดิน หยิบจับสิ่งของได้ ยังเป็นอาวุธคู่กายของพวกมันอีกด้วย ครีบหางแยกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนมีกระดูกอ่อนยาว 5 ชิ้น มองคล้ายนิ้วเท้าคนเรา

สีขนลำตัวของตัวผู้เป็นสีเทา-ดำ และมีสีน้ำตาลแซม น้ำหนักราว 247 กิโลกรัม ความยาว 2.15 เมตร ตัวเมียมีสีลำตัวเป็นสีน้ำตาล-เทา น้ำหนักราว 57 กิโลกรัม มีความยาว 1.56 เมตร และตัวผู้จะมีขนาดรูปร่างที่ใหญ่กว่าตัวเมีย พวกมันมีสมองที่ค่อนข้างฉลาดแกมโกง เรียนรู้กับสิ่งรอบข้างได้ไว

...โดยในช่วงกลางเดือนตุลาคมนั้น ตัวผู้จะเริ่มเสาะหาอาณาจักรตามชายหาดโขดหิน จับจองประกาศอาณา เขตไว้รอตัวเมียที่จะตามเข้ามาทีหลังอีกจำนวนนับสิบตัว สำหรับเป็นแหล่งขยายเผ่าพันธุ์ และหากมีตัวผู้เข้ามารุกล้ำเขตแดน ตัว "จ่าฝูง" ก็จะไล่ออกให้พ้นเขตจนกว่ามันจะได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียทุกตัวนั่นแหละ ถึงจะยอมใหัตัวอื่นเข้ามาอาศัยอยู่ได้ ซึ่งพวกมันจะอยู่ ที่นี่เป็นเวลาประมาณ 1 ปี

กระทั่งบรรดาสาวๆในฝูงจะเริ่มเบ่งทายาทที่ครั้งหนึ่งจะมีเพียงแค่ 1 ตัว หลังจากนั้น 5–6 วัน ธรรมชาติของตัวเมียก็จะเริ่มเรียกร้องให้ทำหน้าที่ขยายเผ่าพันธุ์ได้อีก.

แฉพบปัญหาร้านเกมละเมิดลิขสิทธิ์อื้อ

โดยอัตราการละเมิดในไทยสูงถึง 75% ยอมรับ ตร.ไม่อาจตามจับได้ครอบคลุมทุกร้าน ระบุ ร้านเน็ตต้องรับภาระดูแลเด็ก ด้าน กรมทรัพย์สินฯ ย้ำไม่เคยส่ง จนท.ไปจับร้านค้าละเมิดลิขสิทธิ์เอง...

พ.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าววานนี้ (28 มิ.ย.) ในการสัมมนาเรื่อง ประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ให้ปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้อย่างไรว่า จากการติดตามสถานการณ์ร้านเกมในปัจจุบัน พบว่า ยังละเลยการดูแลเด็กและเยาวชนตามข้อบังคับในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน พ.ศ.2546 และพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะการปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าเล่นเกมเกินเวลาที่กำหนด

รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม กล่าวต่อว่า นอกนากนี้ ยังมีปัญหาการปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นพนันออนไลน์ภายในร้าน โดยทั้งหมดถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ ที่จะต้องมีธรรมาภิบาลในการดำเนินกิจการ รวมถึงต้องใส่ใจดูแลเด็กที่เข้าใช้บริการอย่างทั่วถึง ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ขณะเดียวกันตนยอมรับว่าเจ้าหน้าตำรวจที่ไม่สามารถติดตามจับกุมร้านที่กระทำ ความผิดได้อย่างทั่วถึง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วยกันเองเป็นหลักด้วย

พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการประกอบกิจการร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต และร้านคาราโอเกะ มักพบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ของร้านที่ทำการสุ่มตรวจ โดยปัจจุบันลำดับการจัดการปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ของประเทศไทยสูงถึงร้อยละ 75 นับว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะตัวเลขดักล่าวถือว่าสูงมาก และถือเป็นความน่าอับอายของประทศ ซึ่งมีสถิติการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเช่นนี้

ด้าน นายสมบูรณ์ เฉยเจริญ ผู้แทนกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ในร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต มักพบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ 2 ประเภท ได้แก่ โปรแกรมพื้นฐาน และโปรแกรมเพลง ท่ำคัญที่ผ่านมา มักมีผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาออกไปเรียกเก็บ ส่วย ตามร้านต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ ขอยืนยันว่ากรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจจับร้านเกม ที่ละเมิดลิขสิทธิ เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการที่ติดขัดปัญหาการลงทุนด้านลิขสิทธิ์สามารถ ติดต่อไปยังซิป้าได้ และหากพบการแอบอ้างขอให้แจ้งไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา หมายเลขโทรศัพท์ 0 – 2547 – 4703

คลอด4มาตรการแก้ปัญหาสื่อ-ความรุนแรงในครอบครัว

เน้นกลุ่มกฎหมายที่มีผลต่อการปราบปรามสื่อที่เป็นภัยต่อสังคมไทย โดยให้มีการกำหนดบทลงโทษให้สูงขึ้น คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็ก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว....

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2553 ซึ่งพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมีแผนดำเนินการเบื้องต้น 4 ข้อดังนี้ 1.ขยายสื่อปลอดภัยลงสู่ท้องถิ่น โดย วธ.จัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัด เพื่อขับเคลื่อนงานด้านสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นำองค์ความรู้และแนวทางที่ได้จากการสัมมนาระดับประเทศและจากจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด มาเป็นแนวทางการปฏิบัติให้สอดคล้องกับท้องถิ่น ขณะนี้คณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ฯ ได้จัดทำร่างคู่มือการจัดทำนโยบายและการปฏิบัติการด้านสื่อปลอดภัยและ สร้างสรรค์ในระดับจังหวัด เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับดำเนินภารกิจและจัดทำยุทธศาสตร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า 2.ขอความร่วมมือสื่อต่างๆงดการเสนอภาพที่มีความรุนแรงจากเหตุการณ์ไม่ สงบที่ผ่านมา โดยขอให้รายงานข่าวและรณรงค์ให้คนไทย มีความปรองดองกันตามนโยบายของรัฐบาล 3.จัดงานมหกรรมสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระดับชาติ ครั้งที่ 1 โดยร่วมมือกับสมัชชาสื่อสร้างสรรค์ในการทำแผนแม่บทและเวทีแลกเปลี่ยนเรียน รู้ระหว่างภาคีเครือข่ายและสร้างระบบการสนับสนุนแบบมีส่วนร่วมเชิงสมานฉันท์ ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดพื้นที่การนำเสนอผลงานด้านสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จากจังหวัด นำร่อง 4. การปรับปรุงกฎหมายที่มีผลต่อการจัดการปัญหาเรื่องสื่อ

“สำหรับการปรับปรุง กฎหมายนั้น จะเน้นกลุ่มกฎหมายที่มีผลต่อการปราบปรามสื่อที่เป็นภัยต่อสังคมไทย ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 โดยให้มีการกำหนดบทลงโทษให้สูงขึ้น พ.ร.บ.การกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551 ให้ครอบคลุมวัตถุที่ยั่วยุพฤติกรรมอันตราย และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2540 ด้านการพิสูจน์ยืนยันบุคคลเป็นต้น และกลุ่มกฎหมายที่มีผลต่อการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ผู้ชม ผู้ฟัง ผู้อ่าน ได้แก่ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ควรมีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็ก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว โดยให้มีการคุ้มครองข้อมูลของเด็ก เป็นต้น” รมว.วัฒธรรม กล่าว

Tuesday, June 22, 2010

ห่วงกรุงเก่าอดขึ้นชั้นมรดกโลก

แหล่งมรดกโลกที่น่าห่วงของไทยขณะนี้ คือ อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ที่มีการพัฒนาอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งหากจะทำรายงานเสนอไปยังคณะกรรมการมรดกโลก จะต้องมีแผนและเร่งปรับปรุงแก้ไขปัญหาของอยุธยาให้เสร็จภายในเดือน เม.ย. 2554...

นางโสมสุดา ลียะวณิช รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะคณะกรรมการมรดกโลก เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ประชุม ได้เตรียมวาระที่จะประชุมร่วมกันในระหว่างวันที่ 25 ก.ค.-3 ส.ค. 2553 ที่กรุง บราซิเลีย ประเทศบราซิล ซึ่งมีวาระที่เกี่ยวเนื่องกับประเทศไทยอยู่ด้วย โดยเฉพาะการรายงานความคืบหน้าการพัฒนาและดูแลมรดกโลกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเสนอให้คณะกรรมการมรดกโลก ในปี 2554-2555

นางโสมสุดากล่าวต่อไปว่า ในปี 2554 ประเทศไทยจะต้องทำรายงานการพัฒนาและการดูแลมรดกโลกทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งแหล่งมรดกโลกที่น่าห่วงของไทยขณะนี้ คือ อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ที่มีการพัฒนาอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งหากจะทำรายงานเสนอไปยังคณะกรรมการมรดกโลก ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรมศิลปากร จะต้องมีแผนและเร่งปรับปรุงแก้ไขปัญหาของอยุธยาให้เสร็จภายในเดือน เม.ย. 2554 แต่หากแก้ปัญหาไม่ได้ หรือประชาชนในพื้นที่ต้องการการพัฒนาไม่ต้องการมรดกโลก สามารถเสนอเรื่องไปยังจังหวัดและกรมศิลปากรเพื่อเสนอต่อรัฐบาล.

ศธ.ป่วนผู้อำนวยการสำนักนั่งซี 10 ไม่ได้

เนื่องจากหลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ศธ.ทำให้ มีองค์กรหลัก 5 แท่ง ซึ่งจะมีเลขาธิการของแต่ละองค์กร ซึ่งทำหน้าที่เทียบเท่าปลัดกระทรวง และมีรองเลขาธิการ ซึ่งทำหน้าที่เท่ากับรองปลัดกระทรวง ทั้งหมดถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง ...

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการขอกำหนดตำแหน่งประเภทผู้บริหารระดับต้น เนื่องจากหลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ศธ.ทำให้ มีองค์กรหลัก 5 แท่ง ซึ่งจะมีเลขาธิการของแต่ละองค์กร ซึ่งทำหน้าที่เทียบเท่าปลัดกระทรวง และมีรองเลขาธิการ ซึ่งทำหน้าที่เท่ากับรองปลัดกระทรวง ทั้งหมดถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งใหม่ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก เป็นตำแหน่งผู้บริหารในระดับประเภทอำนวยการระดับสูงเท่านั้น จึงทำให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนั้นไม่ สามารถที่จะกำหนดให้ดำรงตำแหน่งในระดับผู้ตรวจราชการ หรือระดับ 10 ได้ ดังนั้น ศธ.จึงจะขอให้มีการกำหนดตำแหน่งประเภทผู้บริหารระดับต้นขึ้น เพื่อรองรับการแต่งตั้ง ผอ.สำนักก่อนก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ตรวจราชการระดับ 10 สำหรับปัญหาดังกล่าวทาง สพฐ.ได้เสนอแนวทางขอกำหนดตำแหน่งให้มีผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. 5 ด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ งบประมาณ บริหารบุคคล บริหารทั่วไป และการศึกษาพิเศษ ซึ่งตนได้มอบให้องค์กรหลักที่มีปัญหาลักษณะนี้ไปศึกษาข้อมูลว่าแต่ละแท่งควรมีตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นในตำแหน่งใดบ้าง แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน ศธ. (อ.ก.พ.ศธ.) ซึ่งมีตนเป็นประธาน เพื่อขอกำหนดตำแหน่งของ ศธ.ให้เป็นระบบเดียวกันต่อไป

"ในเดือน ก.ย.นี้ ศธ.จะมีตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 ว่างถึง 8 ตำแหน่ง ระดับ 9 ว่างถึง 10 ตำแหน่ง แต่ไม่สามารถตั้งใครขึ้นมาได้เพราะติดปัญหาข้อกำหนดของ ก.พ. ซึ่งหากกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการได้ก็จะทำให้ข้อติดขัดหมดไป" รมว.ศธ. กล่าว.

นกขุนแผน..ญาติอีกา ต่างกันราว..ฟ้ากับดิน

ขุนแผน...พระเอกรูปงาม...นักรบ และ นักรัก ...ในเสภาเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ที่มีผู้ร่วมกันแต่งหลายคน รวมทั้ง...สุนทรภู่ กวีเอกของไทยในอดีต...

...แต่ไม่เข้าใจท่านผู้แต่งถึงให้...พระเอกเป็นคนนิสัยเจ้าชู้ แถมยัง ฆ่าเมีย แล้วผ่าท้องนำทายาทตนเองเพื่อมาทำเป็น กุมารทอง...!!!

อย่างไรก็แล้วแต่ ขุนแผน เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ...ไม่เหมือนกับ นกขุนแผน ซึ่งมีตัวจริงๆ ณ วันนี้ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์แล้ว

นกขุนแผน หรืออีกชื่อ...สาลิกาดง สัตว์ปีก Red-billed Blue Magpie มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Urocissa erythrorhyncha ลักษณะทั่วไป เป็นนกขนาดเล็ก มีความยาวจาก ปลายปากถึงปลายหาง 65-68 ซม. และมีขนหางยาวมากราว 37-42 ซม. หรือ 2 ใน 3 ของความยาวจากปากถึงปลายหาง ขนหางค่อนข้างแข็ง มี 12 เส้น ซึ่งแต่ละคู่ยาวลดหลั่นกันลงไป โดยมีขนหางคู่บนสุดยาวที่สุด ซึ่งยาวกว่าขนหางคู่ที่ 5 อย่างเห็นได้ชัด ปลายขนหางแต่ละเส้นมีลักษณะมน ขนหางทุกเส้นมีสีฟ้าอมม่วง แต่ปลายขนหางแต่ละเส้นเป็นแถบสีขาว และเฉพาะปลายขนหางคู่ที่ 1 ถึงคู่ที่ 5 มีแถบสีดำถัดจากแถบสีขาวด้วย ปลายขนหางคู่ที่ 6 ซึ่งเป็นคู่บนสุดโค้งลงมาเล็กน้อย

รวมทั้งหน้าอกตอนบนสีดำสนิท แต่มี แถบสีขาวจากกึ่งกลางกระหม่อมลากลงไปยังท้ายทอยจนถึงหลังคอ และ กึ่งกลางกระหม่อมมีจุดสีขาว ดูเผินๆ คล้ายกับสวมหมวก หรือผ้าคลุมหัวสีดำ ที่มีพู่สีขาวห้อยอยู่ด้านหลัง

ส่วนบนของลำตัว คือ ไหล่ หลัง จนถึงตะโพกเป็นสีฟ้าอมม่วงหม่นๆ ขนคลุมบนโคนหางมีสีฟ้าอมม่วงเช่นกัน แต่สว่างกว่า และปลายขนแต่ละเส้นเป็นแถบสีดำกว้างๆ จึงเห็นเป็นลายเกล็ดสีดำอยู่บนขนคลุมบนโคนหาง ปีกสีฟ้าอมม่วงซึ่งเข้มกว่าบนหลัง ส่วนล่างของลำตัว ตั้งแต่หน้าอกตอนล่าง ท้อง รวมทั้งสีข้าง จนถึงขนคลุมใต้โคนหาง และ ขนโคนขามีสีขาวเจือสีฟ้าจางๆ ดูคล้ายกับว่ามันใส่ชุดสีขาว แต่สวมเสื้อสูทสีฟ้าอมม่วงทับไว้

ปากของนกขุนแผน ค่อนข้างอวบและหนา สีแดงสดเป็นมัน สันปากบนโค้งลงเล็กน้อย และปลายปากบนงุ้มลงคลุมปลายปากล่างที่แข็งแรง ขาและนิ้วเท้า รวมทั้งเล็บมีสีแดงแต่หม่นเล็กน้อยกว่า เพศผู้และเพศเมียมีสีสันเหมือนกันจนแทบที่จะแยกความแตกต่างระหว่างเพศไม่ได้เลย

ถิ่นอาศัยพบใน ทวีปเอเชียแถบเทือกเขาหิมาลัย จีน พม่า อินโดจีน และในประเทศ ไทย พบเกือบทุกภาคต่างๆ ยกเว้นภาคใต้ ชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ตามป่าละเมาะ ป่าโปร่ง มักส่งเสียงร้องขณะที่มันเริ่มออกหากิน บางเวลามันอาจลงมาหากินตามพื้นดิน ซอกก้อนหิน ซอกไม้ผุๆ อาหารได้แก่ แมลงต่างๆ เช่น ด้วง ปลวก หนอน หอยทาก กิ้งก่า จิ้งจก จิ้งเหลน งู รวมทั้งปาด ตะขาบ และหนู แม้แต่ไข่นก ลูกนกในรัง รวมทั้ง ซากสัตว์

ฤดูผสมพันธุ์ อยู่ในช่วงประมาณ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะทำรังโดยนำกิ่งไม้เล็กมาขัดสานกันเป็นแอ่งตรงกลาง และรองพื้นด้วยรากไม้หรือใบไม้ที่มันพอจะหาได้ในบริเวณนั้น ตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 3-6 ฟอง อยู่สูงจากพื้น 6-8 เมตร ปัจจุบันเป็น สัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

นกขุนแผน หรือเจ้าสาลิกาดงนี้ เชื่อหรือไม่ว่า...มันมี เชื้อสายใกล้ชิดกับอีกา (Large-billed Crow) ซึ่งเป็นนกที่มีรูปร่างเทอะทะ และสีดำสนิท แต่ นกขุนแผนมีรูปร่างสะโอดสะอง สวยสง่า ต่างจาก อีการาวฟ้ากับดิน จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นญาติสนิทชิดเชื้อกัน...!!!

ยกเครื่อง รพ.สาธารณสุข สวมยูนิฟอร์ม-เพิ่มรอยยิ้ม

ยกเครื่องโรงพยาบาล สาธารณสุขยุคใหม่ กว่า 10,000 แห่ง เปิดตัวบริการพร้อมกันทั่วไทย12 ส.ค.นี้ จัดทีมต้อนรับสวมยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน พร้อมมอบรอยยิ้มหวานผู้ใช้บริการตลอดเวลา...

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.พรรณสิริกุลนาถศิริ รมช.สาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมชี้แจง "โครงการพลิกโฉมโรงพยาบาลยุคใหม่" แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศจำนวน 1,000 คน โดย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าโครงการนี้ต้องการพัฒนาปรับปรุงโรงพยาบาลในสังกัดจำนวนกว่า 10,000แห่งทั่วประเทศใน 3 ด้าน ได้แก่ บรรยากาศ การบริการและการบริหารจัดการซึ่งจะเปิดให้บริการประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลจังหวัด รวมถึงศูนย์ความเป็นเลิศฯ เช่น สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันมะเร็ง สถาบันโรคทรวงอกโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และกรมสุขภาพจิต โดยการปรับปรุงบรรยากาศ เช่น ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยนอกให้ทันสมัย ผู้รับบริการได้รับความสะดวก ปรับปรุงห้องน้ำห้องส้วมเพื่อเป็นต้นแบบห้องน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ ใช้งบประมาณ 260 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดชุดยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานต้อนรับ ที่เหมือนกันทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งพนักงานต้อนรับจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำการบริการรับฟัง-แก้ไขปัญหาการ บริการ โดยให้บริการทั้งผู้ป่วยและญาติเพื่อให้เกิดความประทับใจที่สุด ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่า ต่อไปนี้โรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดต้องเป็น "โรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่ เพื่อคนไทยสุขภาพดี มีรอยยิ้ม" โดยจะมีการประเมินผลภายใน 3 เดือนหลังจากเริ่มให้บริการในวันที่ 12 ส.ค.นี้

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในการพัฒนาโรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่ฯ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ความเป็นเลิศฯ 2. กลุ่มโรงพยาบาลขนาด 60 เตียงขึ้นไป 3.กลุ่มโรงพยาบาลต่ำกว่า 60 เตียงลงมา และ4.กลุ่มโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลซึ่งแต่ละระดับจะมีหลักเกณฑ์แตกต่าง กันไปตามขนาดโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็จะจัดประกวดโรงพยาบาลแต่ละระดับที่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาและ เป็นที่พอใจของประชาชน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเชิดชูเกียรติ ส่วนการที่โรงพยาบาลจะเปิดคลินิกบริการนอกเวลา เช่น คลินิกรุ่งอรุณคลินิกเที่ยงวัน ถือเป็นทางเลือกของโรงพยาบาลไม่ได้เป็นภาคบังคับแต่ถ้าทำได้ก็ควรจะทำ เพื่อบริการประชาชนได้มากขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้ปรับบรรยากาศการปรับคุณภาพบริการทั้งบริการทางการแพทย์และ บริการทั่วไปของโรงพยาบาลแล้วจะช่วยให้ศักยภาพการดูแลรักษาประชาชนดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างผู้ให้บริการ กับผู้รับบริการจะน้อยลงและเป็นที่พึงพอใจมากขึ้น อนุมานได้ว่าปัญหาการฟ้องร้องจะลดลง โดยจะมีการติดตามประเมินผลโรงพยาบาลต่างๆเป็นระยะๆ เชื่อว่าทุกแห่งทำได้จริง เพราะมีการประชุมมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช้เป็นการสั่งจากฝ่ายนโยบายฝ่ายเดียว ที่ผ่านมามีหลายแห่งพัฒนาได้เกือบจะครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว

ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าโรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบบริการ ซึ่งจากนี้ไปจะทำให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ เป้าหมายหลักคือการลดความแออัดผู้ใช้บริการและสร้างความพึงพอใจประชาชน โดยเจ้าหน้าที่หรือพนักงานต้อนรับที่แผนกผู้ป่วยนอกจะสวมเครื่องแบบที่เป็น เอกลักษณ์เดียวกัน คือ เสื้อพื้นสีเขียวอ่อน และมีรูปหน้าการ์ตูนยิ้ม 3 สี ซึ่งเป็นสื่อสากล มี 3 สี คือ สีเขียว สีฟ้าและสีส้ม ซึ่งล้วนมีความหมายดังนี้ 1.สีเขียว หมายถึงสดชื่นแจ่มใส 2.สีฟ้าหมายถึงให้บริการเป็นมิตร และ3.สีส้มหมายถึงความทันสมัย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดฝึกอบรมพนักงานต้อนรับ โดยเชิญวิทยากรระดับปรมาจารย์มาอบมรมเชิงปฏิบัติการ ทั้ง 4 ภาค เป็นระยะเวลา 3 วัน เริ่มที่ภาคกลาง ในวันที่ 28 มิถุนายน 2553 ที่ กทม. ภาคใต้ เริ่มวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ที่ อ.หาดใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มวันที่ 13 กรกฎาคม จัดที่ จ.อุบลราชธานี ภาคเหนือ วันที่ 21 กรกฎาคม 2553 ที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนในเรื่องการพัฒนาระบบบริหาร โรงพยาบาล โรงพยาบาลทุกระดับจะต้องมีคณะกรรมการ 2 ชุดคือกรรมการบริหารโรงพยาบาลและกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลซึ่งเป็นเวทีของการมี ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนระดมความคิดเห็นระดมทรัพยากรมาพัฒนาระบบริหารให้ ประชาชนในพื้นที่พึงพอใจและโรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีระบบประกันคุณภาพบริการ ที่ทำอยู่แล้วมาบูรณาการกับนโยบายใหม่เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามมาตรฐานของ โรงพยาบาลยุคใหม่.

องค์การสวนพฤกศาสตร์พบ 25 พรรณไม้ใหม่โลก

จำนวน 10 วงศ์ 25 ชนิด โดยทั้งหมดถูกนำไปจัดเก็บรักษาอยู่ที่หอพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ ขณะที่ นักวิชาการ ระบุ พบพืชถูกคุกคามใน 4 อุทยานดัง...

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ดร.ก่องกานดา ชยามฤต ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงการค้นพบพรรณไม้ใหม่ของโลก ว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา การดำเนินงานขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ ได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์กลางเครือข่ายของสวนพฤกษศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ นักวิชาการของ อ.ส.พ. ได้สำรวจพบพืชพรรณใหม่ของโลกที่มีอยู่ในประเทศไทยและได้รับการตีพิมพ์ใน วารสาร ระหว่างปี 2544 -2552 จำนวน 10 วงศ์ 25 ชนิด ได้แก่

พืชที่พบจัดอยู่ในวงศ์กูดหางค่าง ประกอบด้วย ก้านดำทองแถม ประทัดสุเทพ วงศ์เทียน ประกอบด้วย เหยื่อกุรัมใบเล็ก เทียนพระบารมี เทียนดารณี ม่วงกาญจนา หญ้าเทียนดอกขาว เทียนผ้าห่มปก เทียนเพ็งคล้าย เทียนยูงทอง ชมพูสิริน เทียนแพงพวย เทียนเสือน้อย เทียนไตรบุญ วงศ์ดอกหรีด ประกอบด้วย หญ้าดอกลายเชียงดาว วงศ์คำป่า ประกอบด้วย นางออน ลาเกลนชา วงศ์กล้วยไม้ ประกอบเวย อั้วละอองจันทร์ เอื้องศรีประจิม เอื้องศรีเชียงดาว วงศ์ขิง-ข่า ประกอบด้วย เปราะภูแม่ฮ่องสอน เปราะภูลาร์เสน กระเจียวราศี วงศ์ชิงชี่ ประกอบด้วย ชิงชี่ภูคา และกะพ้อปิฏฐะ

ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรณไม้ใหม่ของโลก ถูกนำไปจัดเก็บรักษาอยู่ที่หอพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ เพื่อเก็บตัวอย่างรักษาตัวอย่างพันธุ์ไม้ ตามหลักสากลและสนับสนุนการศึกษา ทางด้านพฤกษศาสตร์ในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะด้านอนุกรมวิธาน และบริการการศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลทางด้านพฤกษศาสตร์

นอกจากนี้ อ.ส.พ.ได้ทำการศึกษาวิจัยในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงโดยเฉพาะใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ะ ปุย จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อ.นาแห้ว จ.เลย อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่นและอุทยานแห่งชาติเขาหินปะการัง อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พบตัวอย่างพืชที่น่าสนใจอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย เช่น กระโถนฤาษี ระฆังทอง ดาวลดา สะเม็กและกล้วยไม้ดง

พืชทั้ง 5 ชนิด อยู่ในบัญชีพืชที่ถูกคุกคามของประเทศไทย เช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน พบ แคสันติสุข มะยมหิน โมกเหลือง จันแดง และปรงเขาและที่อุทยานแห่งชาติเขาหินปะการัง พบ มะกักหรือมะกอกป่าและหนามเกี่ยวไก่ เอื้องชมพูไพร ปอเจี๋ยน หัวใจทศกัณฑ์ ที่เป็นพืชเฉพาะถิ่นของประเทศไทย ทั้งนี้ ได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำมาขยายพันธุ์ไม่ให้สูญพันธุ์ต่อไป และในปี 2554 จะสำรวจความหลากหลายอีก 3 พื้นที่ คือ อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิ๋น จ.น่าน วนอุทยานถ้ำหลวง -ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล จ.พิษณุโลก.

กรมศิลป์ชี้32จว. โบราณสถาน เสี่ยงแผ่นดินไหว

กรมศิลป์เร่งตรวจสอบโบราณสถาน 32 จังหวัด โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ในรัศมีรอยเลื่อน 9 แห่ง พบเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในไทย ไม่ว่าจะเป็น พระธาตุไชยา-จอมกิตติ-ช่อแฮ-เชียงแสน ระบุ "พระธาตุดอยสุเทพ" น่าห่วงสุด...

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นสำรวจจำนวนและตรวจสอบความมั่นคงของโบราณสถานที่ ตั้งอยู่ในรัศมีรอยเลื่อน 9 แห่งที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในไทย ได้แก่ 1.รอยเลื่อนเชียงแสน ระยะห่าง 130 กม. 2.รอยเลื่อนแม่หา 55 กม. 3.รอยเลื่อนแพร่ 115 กม .4.รอยเลื่อนเถิน 90 กม .5.รอยเลื่อนเมย – อุทัยธานี 250 กม.6.รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ 500 กม. 7.รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ 250 กม. 8.รอยเลื่อนระนอง 270 กม. และ 9.รอยเลื่อนคลองมะรุย 150 กม. อ่าวพังงา โดยได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียดทั้งอายุสมัย วัสดุการก่อสร้าง และองค์ประกอบรวมของโบราณสถาน ตลอดจนสภาพของโบราณสถานว่าทรุดโทรมมากน้อยเพียงใด จากนั้นประเมินความเสี่ยงของโบราณสถานแต่ละแห่ง

ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวต่อว่า การตรวจสอบพบโบราณสถานที่อยู่ห่างรอยเลื่อนเปลือกโลก แบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่ 1.รัศมี 5 กม. มี 8 จังหวัด 44 แห่ง อาทิ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร (วัดพระมหาธาตุ) จ.สุราษฎร์ธานี, วัดพระธาตุจอมกิติ จ.เชียงราย, เมืองโบราณเมืองเชียงแสน จ.เชียงราย, เมืองโบราณบ้านวัดพระธาตุจอมพริก จ.น่าน, พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่, พระเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี 2.ในรัศมี 10 กม.10 จังหวัด 75 แห่ง อาทิ พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่, กำแพงเมือง จ.กาญจนบุรี, ถ้ำพระ จ.เชียงราย และ 3.ในรัศมี 20 กม.14 จังหวัด 178 แห่ง เช่น ปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี, กำ แพงเมืองและคูเมืองลำพูน จ.ลำพูน, เจดีย์เชียงยันวัดพระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน, พระธาตุศรีดอนคำ จ.แพร่, เมืองโบ ราณเวียงกาหลง จ.เชียงราย, เมืองโบราณเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมืองโบราณเวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

นายธราพงศ์ กล่าวด้วยว่า โบราณสถานที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวมีทั้งหมด 297 แห่ง ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดถ้าเกิดแผ่นดินไหวคือพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ โดยขณะนี้กำลังเร่งบูรณะและสร้างแนวกั้นดินสไลด์เพื่อป้องกันแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโบราณสถานตามแนวแผ่นดินไหวมาจาก ปัจจัยเสี่ยง 3 กรณี 1.อายุ วัสดุ และเทคนิคการก่อสร้าง 2.แรงสั่นสะเทือน 3.ระยะห่างศูนย์กลางแผ่นดินไหว.

แรงงานไฟเขียว รองอธิบดี กลับตำแหน่งเดิม

"สมชาย ชุ่มรัตน์"ปลัดกระทรวงแรงงาน รับผิดตั้งรองอธิบดี 7 คน รับลูก ก.พ.ให้กลับที่เดิม สรรหาใหม่ ชี้ ไม่ใช่เรื่องทุจริตอาจไม่ถูกลงโทษ ด้านคนร้อง ไม่ขัดข้องหน้าเดิมกลับได้ตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นาย ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ “ไทยรัฐออนไลน์” ถึงกรณีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) วินิจฉัยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงแรงงานตำแหน่งรองอธิบดี 4 กรม จำนวน 7 อัตรา ตามคำสั่งกระทรวงแรงงานที่ 333/2552 เสนอมาเนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รูปแบบและวิธีการของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมและดำเนินการคัดเลือกใหม่ให้ถูกต้อง ว่า ขณะนี้กำลังรอดูหนังสือของ ก.พ.ค.อย่างเป็นทางการ แต่จากการได้ดูข้อมูลเบื้องต้นที่เผยแพร่ทางเวบไซต์ของ ก.พ.ค.ก็เป็นไปตามนั้น พร้อมกันนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่าจะมีทางแก้อะไรบ้าง สำหรับการดำเนินการก่อนหน้านี้คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งไม่มีปัญหา แต่ยอมรับว่าการประกาศ ขั้นตอนระเบียบการปฏิบัตินั้น ตนอาจจะไม่ลงไปลึก ปล่อยเจ้าหน้าที่ทำจนเกิดเป็นลักษณะเช่นนี้ แต่ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง เนื่องจากไม่ใช่กรณีการทุจริตคอรัปชั่น คงต้องไปแก้ในการบริหารจัดการตรงนั้น

“คงแย้งอะไรไม่ได้เพราะระเบียบของ ก.พ.ค.ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด จะต้องขอเปิดตำแหน่งและดึงคนทั้ง 7 คนนั้นออกไปแล้วเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่ หรือไม่ก็กำลังให้ฝ่ายกฎหมายตามอยู่ว่าจะสามารถอุธรณ์คำสั่งๆได้หรือไม่ เตรียมการเพื่อการเยียวยาก่อน ในส่วนตัวผมเองในฐานะเป็นคนดำเนินการ ไม่รู้ว่ามีความผิดหรือไม่ แต่ฟังดูจาก ก.พ.แล้ว ของเราไม่ได้เกี่ยวกับการทุจริต”นายสมชาย กล่าว

นายพานิช จิตต์แจ้ง ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะผู้ร้องทุกข์ กล่าวว่า ผลตามที่ ก.พ.ค.ตัดสินมานั้นเป็นเรื่องดึงความยุติธรรมกลับมา ซึ่งทางกระทรวงเองก็ต้องยกเลิกคำสั่ง ทุกคนต้องกลับเข้าสู่ตำแหน่งดิม พร้อมกับกระบวนการสรรหากันใหม่ ซึ่งหากกระทรวงไม่ดำเนินการถือว่าผิดกฎหมายตามระเบียบของ ก.พ.ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามระเบียบ ส่วนกรณีสรรหาใหม่แล้วได้คนเดิมเข้ามาอีกนั้นตนเองก็ไม่ได้ขัดข้อง เพียงแต่ว่ากระบวนการต่างๆต้องชัดเจนโปร่งใส คนที่เป็นกรรมการต้องมีคุณธรรมพอ

Monday, June 21, 2010

โละ7ตำแหน่ง รองอธิบดี สวนบิ๊กแรงงาน

ก.พ.ตบหน้าบิ๊กแรงงาน ชี้ชัดแต่งตั้งข้าราชการไม่เป็นธรรม สั่งโละใหม่หมดทั้ง 7 ตำแหน่ง พร้อมคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ผู้ที่ถูกยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทุกตำแหน่งจะต้องกลับไปดำรงตำแหน่ง เดิมก่อนการแต่งตั้ง.....

นางจรวยพร ธรณินทร์ โฆษกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เผยแพร่ผลการวินิจฉัยลงว็บไซต์ ก.พ.ค. กรณีนายพานิช จิตร์แจ้ง ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะผู้ร้องทุกข์และเป็นผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกการแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งนักบริหารระดับต้น (รองอธิบดี) ได้ร้องเรียนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงแรงงานตำแหน่งรองอธิบดี 4 กรม จำนวน 7 อัตรา ตามคำสั่งกระทรวงแรงงานที่ 333/2552 เรื่องการย้ายข้าราชการและคำสั่งที่ 334/2552 เรื่องการโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งลงนามโดย นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รูปแบบและวิธีการของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และขอให้ ก.พ.ค.พิจารณาให้ความเป็นธรรม

การวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ชี้ว่า การคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าวซึ่งมีผู้สมัคร 24 คน ด้วยการให้คะแนนประเมินวิสัยทัศน์และการสัมภาษณ์ ปรากฏว่า หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (อธิบดี) หรือผู้แทนกรมที่มีตำแหน่งว่าง 4 คน ในจำนวนนี้หัวหน้าส่วนราชการได้ให้คะแนนในตำแหน่งของกรมอื่นด้วย รวมทั้งกรมที่มีตำแหน่งรองอธิบดีว่างลง 2 ตำแหน่ง ก็ได้เสนอรวม 6 รายชื่อ ก.พ.ค. วินิจฉัยว่า การดำเนินการคัดเลือกรองอธิบดี 4 กรม 7 อัตรา ไม่เป็นไปตามรูปแบบขั้นตอนและวิธีการตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.พ.รวม 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ไม่ ปรากฏหลักฐานว่า คณะกรรมการคัดเลือกได้ประชุมพิจารณาออกประกาศโดยมีการวิเคราะห์งานในตำแหน่ง ที่ว่าง กำหนดความรู้ความสามารถของตำแหน่ง แต่ใช้วิธีประชุมกรรมการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ หลังจากที่ผู้สมัคร 24 รายได้ยื่นใบสมัครไปแล้ว

2.ตำแหน่งรองอธิบดีทั้ง 4 กรมนั้น หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่มีตำแหน่งว่างเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ให้คะแนน แต่ปรากฏว่า มีหัวหน้าส่วนราชการ 3 กรมไปช่วยให้คะแนนของกรมอื่นที่มิใช่ตำแหน่งว่างของส่วนราชการของตน ทำให้ลำดับที่ของผู้ได้รับการคัดเลือกแต่ละกรมสลับกัน 3.หลักเกณฑ์ของ ก.พ.ให้เสนอชื่อไม่เกิน 3 ชื่อต่อ 1 ตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าตำแหน่งว่าง 2 ตำแหน่ง ได้เสนอชื่อไม่เกิน 6 ชื่อ โดยไม่ได้แยกตำแหน่ง และไม่ระบุเหตุผลของความเหมาะสมของบุคคลในแต่ละตำแหน่งด้วย ดังนั้น ก.พ.ค.จึงได้วินิจฉัยให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 333/2552 และ 334/2552 ลงวันที่ 10 พ.ย. 2552 รวมทั้งในดำเนินการคัดเลือกให้ใหม่ให้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวกและเสนอแต่งตั้งข้ามระบบอาวุโสมาแล้ว ซึ่งรายชื่อที่ได้รับการแต่งตั้งและต้องถูกยกเลิกตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ได้แก่ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน น.ส.พรรณี ศรียุทธศักดิ์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายสุภัท กุขุน รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นายประวิทย์ เคียงผล รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ทั้งนี้ผู้ที่ถูกยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทุกตำแหน่งจะต้องกลับไปดำรงตำแหน่ง เดิมก่อนการแต่งตั้ง

อาจารย์คิดใช้วิชาคำนวณผลลัพธ์ของฝีเท้าสูตรหานักฟุตบอลเอก

ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์นของสหรัฐฯกับคณะ ได้คิดค้นวิธีการวัดและจัดอันดับความสามารถของนักฟุตบอลอาชีพ แบบตรงไปตรงมาขึ้น โดยไม่ให้มีความรู้สึกนึกคิดปะปนอยู่เลย

อาจารย์หลุย อามรัล สังเกตพบว่าในฟุตบอล ไม่มีสถิติข้อมูลรายละเอียดของนักฟุตบอลแต่ละคน ในการมีส่วนกับการเล่นมาก เท่ากับกีฬาเบสบอลและบาสเกตบอล

เขากับคณะได้ลองใช้วิธีจัดอันดับความสามารถของนักฟุตบอลในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยยุโรป เมื่อปี พ.ศ.2551 แต่ละคนขึ้นตรงๆ ปรากฏว่าได้ผลใกล้เคียงกับความเห็นของบรรดานักข่าวกีฬาและทีมผู้เชี่ยวชาญ โค้ชและผู้จัดการ ตามที่ร่วมกันออกความเห็น เลือกนักฟุตบอลที่เป็น "สุดยอดของการแข่งขัน" ขึ้น

"ในกีฬาฟุตบอล มันไม่ค่อยมีสิ่งใหญ่ๆ ที่นับได้ไม่กี่อย่าง เราอาจจะนับจำนวนประตูที่แต่ละคนยิงได้ และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันแล้ว ผู้เล่นก็หมดโอกาสที่จะแสดงความสามารถบวกเพิ่มเติมต่ออีก"

เขาเปิดเผยว่า "เราจะดูที่วิธีลูกถูกส่งไป และจบลงด้วยการยิง ทีมไหนมีวิธีการส่งลูก และจบด้วยการยิงได้หลากหลาย ทีมนั้นจะเหนือกว่าทีมอื่น และผู้เล่นคนไหนได้ลูกที่ส่งมาให้ และจบด้วยการยิงประตูได้มากหนกว่า นักเตะคนนั้นย่อมดีกว่าคนอื่น"

อาจารย์ทางด้านคำนวณอ้างว่า แบบการวิเคราะห์นี้ของเขา ยังอาจไปใช้งานนอกสนามฟุตบอลได้ด้วย อย่างเช่น บริษัทธุรกิจอาจเอาไปใช้ เพื่อใช้จัดอันดับและประเมินผลงานของทีมพนักงานในโครงการ.

วิจัยเห็ดแครง ใช้บำรุงผิว ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอรอยเหี่ยวย่น

ด้วยสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยไรฝุ่น มลพิษ ความร้อนจากแสงแดด และพอคนเราเริ่มมีอายุมากขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่ผิวหนังทั้งชายจริง หญิงแท้ จะเกิด "อนุมูลอิสระ" ริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งไม่พึงประสงค์ทำให้ผู้คนยุคนี้สรรหา "ครีมประทินผิว" จากต่างแดนทั่วโลกมาใช้ ที่ปีๆหนึ่งมีมูลค่านับล้านบาท เพื่อลดการนำเข้า อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านเรา

ฉะนี้...ดร.ชนะ พรหมทอง นักวิชาการ ฝ่ายวิทยาศาสตร์ชีวภาพ นางภัทรา อะหมะดี พีรซะหีด นักวิชาการ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ พร้อมคณะจาก สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนา "ครีมบำรุงผิวจากเห็ดแครง" ขึ้น

นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. เปิดเผยว่า ในการนำเข้าผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิวในปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท จากมูลค่าดังกล่าว อีกทั้ง วว.มีความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆจากสมุนไพร อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าเห็ด ซึ่งมีอยู่มากมายในบ้านเรา จึงได้ทำโครงการพัฒนาเวชสำอางจากเห็ดสมุนไพร โดยนำเห็ดเพื่อบริโภคมากกว่า 10 ชนิด มาทำการทดสอบและพบว่า "เห็ดแครง" หรือที่ท้องถิ่นเรียกว่า "เห็ดตีนตุ๊กแก" มีความเหมาะสมที่จะนำมาพัฒนาเป็นครีมบำรุงผิว

...นางภัทรา กล่าวว่า จากรายงานการศึกษาในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอล ถึงสรรพคุณของเห็ดทางยารักษาโรค ซึ่งในโลกมีมากกว่า 12,000 ชนิด ในจำนวนนี้มี 2,000 ชนิด บริโภคได้ สามารถเก็บจากป่าและมีสรรพคุณทางยา 200 ชนิด ช่วยในการรักษาโรค เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นอาหารอายุวัฒนะ และใช้ เป็นสารผสมในเครื่องสำอางบำรุงผิว ซึ่งที่ผ่านมาจะ เห็นจากทาง "แดนโสม" มีการนำเห็ดหลินจือมาทำครีมบำรุงผิว

จากข้อมูลดังกล่าวทีมงานจึงเริ่มศึกษาเห็ดในบ้านเรา และพบว่า "เห็ดแครง" หลังนำไปผ่านขบวนการ สกัดด้วยวิธีพิเศษทางห้องปฏิบัติการ จะได้สาร "ฟลาโวนอยด์" (Flavonoids) ซึ่งมีฤทธิ์ ต้านออกซิเดชั่นสูงที่สุด อีกทั้งยังทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระของผิวหนังได้เป็นอย่างดี

...เมื่อได้สารดังกล่าวทีมวิจัยจึงนำไปผสมตามสูตรที่คิดค้นอย่างเหมาะสมลงตัว โดยยังคงรักษากลิ่นของสมุนไพรจากธรรมชาติให้เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย จึงนำไปทดสอบกับกลุ่มอาสาสมัคร ให้ผลว่า ครีมบำรุงผิวจากเห็ดแครงไม่ระคายเคืองและไม่ก่อความเป็นพิษเฉียบพลันต่อผิวหนังได้เป็นอย่างดี...

สำหรับผู้ที่สนใจทดลองใช้ หรือนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์สามารถแวะไปดูได้ที่งาน "เปิดโลกทัศน์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 47 ปี วว." ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ เทคโนธานีคลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 25-27 มิถุนายน 2553

และ...ภายในงานยังได้นำเทคโนโลยีการหมัก ไวน์แบบต่อเนื่อง ระบบผลิตน้ำตาลจากธัญพืช แผ่นประคบร้อน เจลล้างหน้ามาสก์ลูกกลิ้งแต้มสิวจากสมุนไพร การผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบประหยัดและยั่งยืน เครื่องดื่มสกัดจากปลายข้าว ข้าวผงผสมเกลือแร่ และอื่นๆอีกมากมายมาแสดง.

เตือนผู้ปกครองถูกหลอกแนะดูผลเรียนลูกผ่านเน็ต

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา แนะผู้ปกครอง ตรวจสอบผลการเรียน ของบุตรหลานผ่านทางเว็บไซต์ ป้องกันถูกหลอก ขอเงินมาจ่ายค่าเทอมทั้งๆ ที่ถูกรีไทร์แล้ว...

รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเป็นประจำทุกสัปดาห์ตนได้กำชับให้ผู้บริหารและคณาจารย์ทุกคนได้ช่วยกันเข้มงวดเรื่องการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ ประจำปีการศึกษา 2553 ซึ่งกรอบและแนวทางการจัดกิจกรรมดังกล่าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ นักศึกษารุ่นพี่มีความเข้าใจมากขึ้นว่าการจัดกิจกรรมที่รุนแรง ใช้วาจาที่ไม่ สุภาพ ล้วนไม่เกิดประโยชน์กับการสร้างความสัมพันธ์ อันดีอะไรระหว่างรุ่นพี่และน้องใหม่

อธิการบดี มร.สส. กล่าวอีกว่า ก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ทางมหาวิทยาลัยยังได้จัดปฐม-นิเทศนักศึกษาทั้งใหม่และเก่า โดยเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมการปฐมนิเทศด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีผู้ปกครองเข้ารับฟังการปฐมนิเทศจำนวนหลายพันคน ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้นักศึกษา และผู้ปกครองได้ทราบว่า มหาวิทยาลัยจะเร่งพัฒนาทุกๆด้าน เพื่อคุณภาพของนักศึกษา และผลักดันให้สถาบันเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ตนได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบด้วยว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ทางมหาวิทยาลัยได้พัฒนาระบบสารสนเทศไปมาก ทำให้สามารถบริการงานด้านต่างๆได้คล่องตัวมากขึ้น และหนึ่งในเรื่องที่ผู้ปกครองสามารถทำได้ทันทีคือ การเข้าระบบอินเตอร์เน็ตไปยังเว็บไซต์ของสถาบันเพื่อตรวจสอบผลการเรียนของบุตรหลานตนเองได้ทันที ไม่ต้องรอบุตรหลานมาแจ้งให้ทราบ เพราะที่ผ่านมาตนเคยได้รับฟังจากผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยว่าถูกบุตรหลานหลอกขอเงินมาจ่ายค่าเทอมทั้งที่บุตรหลานถูกรีไทร์ออกไปแล้ว.

Friday, June 11, 2010

ม.อุบล ลุยอบรมลีนุกซ์

ศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เผยว่า ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการจัดการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๓๐ น. ณ ห้องปฏิบัติการกลางคอมพิวเตอร์ ๑๕.๓๐๕ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการใช้งานคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ ลีนุกซ์ให้สามารถบริหารจัดการ การเรียนการสอน และให้บริการแก่นักศึกษา คณาจารย์ ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และสาธารณชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยั งเป็นการประหยัดงบประมาณในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายในหน่วยงานได้ สอบถามที่ ม.อุบล โทร ๐-๔๕๓๕-๒๐๐๐

สธ.แนะคนไทย รักษาสุขภาพ ดูบอลโลก

เพื่อให้เกิดความสุข ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยมีหลักปฏิบัติ 7 ข้อ อาทิ เลี่ยงขนมขบเคี้ยว พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เลี่ยงแอลกอฮอล์...

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำคำแนะนำการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่รับชมฟุตบอลโลก เพื่อให้เกิดความสุข ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน รวม 7 ประการ ประกอบด้วย 1. หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนดึกและนอนไม่เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หัวใจทำงานหนัก ภูมิคุ้มกันโรคลดลง อาจเกิดปัญหาสุขภาพตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีโรคประจำตัวเช่นโรคหัวใจ เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หอบหืด ภูมิแพ้ ผู้ป่วยระบบประสาท อาจทำให้เกิดอาการกำเริบ หรือ ทรุดลงกว่าเดิมได้

2. จะต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม 3. ควรหลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยวประเภทหวาน มัน เค็ม เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีผงปรุงรสที่มีเกลือ ไขมัน น้ำตาลสูง เป็นสาเหตุของโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ และทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น 4. ต้องดื่มน้ำสะอาดให้มากกว่าปกติ ตามคำแนะนำของแพทย์ให้ดื่มน้ำให้ได้วันละ 1 ลิตรครึ่งถึง 2 ลิตร เพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย และป้องกันอาการร้อนใน จากการนอนดึก และพักผ่อนไม่เพียงพอ 5. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะแม้ว่าเครื่องดื่มดังกล่าวจะไม่มีไขมัน แต่ก็มีแคลอรี่สูงเกือบเท่าไขมัน ซึ่งจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น 6. ต้องไม่เล่นพนันบอล ขอให้ชมฟุตบอลด้วยความรู้สึกความคิดที่เป็นกีฬา ให้ความบันเทิงสนุกสนาน ไม่ใช่เป็นเกมที่สร้างรายได้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร และ 7. จะต้องชมและเชียร์ฟุตบอลโลกด้วยสุขภาพจิตที่ดี ต้องไม่เครียดกับผลการแข่งขัน ให้รู้แพ้รู้ชนะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความปรารถนาดีและห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข.

หุ่นช่างฟ้อนไทย คว้ารางวัล เทศกาลหุ่นโลก

คณะหุ่นช่างฟ้อนโจ-หน่าจากประเทศไทยสร้างชื่อ ในเวทีเทศกาลหุ่นโลก ครั้งที่ 14 ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เตรียมนำรางวัลชนะเลิศหุ่นโลกถวายในหลวง...

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. คณะหุ่นช่างฟ้อน นายภาสกร และนางทรัพย์ทวี สุนทรมงคล หรือศิลปินโจ-หน่า สองสามีภรรยา ที่คว้ารางวัลการตีความบทกวีผ่านการแสดงได้ซาบซึ้งใจ หรือ “Award for the most tender and poetic interpretation” จากการแสดงเรื่อง “ลาวดวงเดือน” ในเวทีเทศกาลหุ่นโลก ครั้งที่ 14 ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ได้เข้าพบ นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อแสดงความขอบคุณ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่ให้การสนับสนุนการประกวด

นางทรัพย์ทวี กล่าวว่า ขอขอบคุณ สศร. ที่ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าที่พัก สำหรับรางวัลที่ได้รับนั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จ ที่ทางคณะหุ่นช่างฟ้อน ได้มีความพยายามและความตั้งใจ จนสามารถคว้ารางวัลครั้งนี้มาได้ โดยมีการเตรียมการมานานตลอดปี 2552 ที่สำคัญตนถือว่า การประกวดครั้งนี้ เป็นความสำเร็จของคนไทยทั้งประเทศ ที่ได้นำศิลปการแสดงไปโชว์เผยแพร่ในเวทีระดับโลก และขอขอบคุณคนไทยที่เป็นกำลังใจ ในการสร้างชื่อเสียงมาให้กับประเทศด้วย


นางทรัพย์ทวี กล่าวต่อว่า คณะหุ่นช่างฟ้อน ทั้ง 2 คน ได้เปลี่ยนชีวิตทำงานเพื่อในหลวง ใช้ชีวิตตลอดระยะเวลา 4 ปี ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ จนได้รับรางวัลที่สง่างามมาครอง โดยตนมีแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงพระราชทานว่า คนเราไม่ต้องทำดีที่สุด ดีพอเพียง พอใช้ ก็เพียงพอสำหรับตัวเอง

ทั้งนี้ คณะหุ่นช่างฟ้อน จะนำรางวัลที่ได้รับครั้งนี้ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 13.00 น. โดยจะมีการแสดงหุ่นช่างฟ้อนบางตอนถวายพระองค์ท่านด้วย นางปริศนา กล่าวว่า ตนขอแสดงความยินดี กับคณะหุ่นช่างฟ้อน ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ โดยในสัปดาห์หน้า ทาง สศร. จะจัดงานแสดงความยินดี ร่วมกับศิลปินที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอีกหลายท่าน โดยมีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม มาร่วมแสดงความยินดีด้วย นอกจากนี้ทราบว่า ในช่วงปลายปีคณะหุ่นช่างฟ้อน จะเดินทางไปแสดงที่ต่างประเทศ ทาง สศร. พร้อมจะเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือในการประสานงานในทุกเรื่อง ที่สำคัญตนเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการด้านศิลปวัฒนธรรมประสบปัญหาด้านสถานที่ การจัดแสดงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ คณะหุ่นช่างฟ้อนโจ-หน่า ผู้ผลิตหนังสั้นไม่มีโรงหนังฉาย จึงมีแนวความคิดจัดหาสถานที่ในการแสดง ให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาแสดงต่อไปด้วย

รมว.ศธ.สั่ง ปลัด-ผอ.ร.ร. เข้มนร.พนันบอล

รมว.สธ.สั่งปลัดกระทรวง ผอ.โรงเรียน เข้ม นร.พนันฟุตบอล จับตาร้านเกมส์-อินเทอร์เน็ต วอนพ่อ แม่ สังคม ให้เยาวชนดูเป็นเกมกีฬา ไม่ยุ่งการพนัน

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า ได้สั่งการให้นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หัวหน้าส่วนราชการของกระทรวง รวมไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทุกโรงเรียน ให้ช่วยติดตามตรวจสอบเรื่องการพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงการพนันตามแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านเกมส์ อินเทอร์เน็ต แหล่งต่างๆ ข้างโรงเรียน หากพบเจอก็ให้เข้าไปแก้ปัญหาได้ทันที

"ในช่วงแต่นี้ต่อไปจะเข้าสู่เทศกาลฟุตบอลโลก 2010 สิ่งน่าห่วงคือ เรื่องการพนันในหมู่เยาวชน จึงได้สั่งการเป็นพิเศษ ให้โรงเรียนกำชับครูฝ่ายปกครอง เข้าไปดูแลตรวจตราพฤติกรรมนักเรียนกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ที่จะชักชวนให้เพื่อนเล่นการพนัน จนนำไปสู่การเกิดความเสียหาย และกระทบต่อการเรียน ทั้งนี้ขอให้ครอบครัว สังคม ช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วย โดยจะเน้นให้ชมกีฬาฟตุบอลเป็นเกมกีฬา ไม่เอาเรื่องการพนันมาเกี่ยวข้อง" นายชินวรณ์ กล่าว

Thursday, June 10, 2010

ผุดเขื่อนกรงปินัง-อ่างเก็บน้ำเบตงแก้ปัญหาภัยแล้ง

กรมชลประทานวางแผนในการจัดการน้ำ ตรียมการก่อสร้างสร้างเขื่อนกรงปินัง, โครงการอ่างเก็บน้ำเบตง , เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาน้ำท่วม เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ....

นายฉลอง เกียรติศักดิ์โสภณ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานยะลา กล่าวว่า จากกรณีที่ได้เกิดปัญหาภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำหลายพื้นที่ โดยเฉพาะปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้ในการกักเก็บน้ำที่สำคัญของประเทศพบว่า ปริมาณน้ำลดลงเป็นจำนวนมาก กรมชลประทานจึงได้สั่งการให้ทุกพื้นที่มีการวางแผนเรื่องการจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ที่ผ่านมาโครงการชลประทานยะลาได้เรียกประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อวางแผนในการจัดการน้ำ สำหรับปริมาณน้ำใน จ.ยะลา โดยเฉพาะน้ำในเขื่อนบางลางขณะนี้ยังมีปริมาณน้ำสูงถึงร้อยละ 56 คาดว่า จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเพียงพอ และจะไม่กระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานยะลา ยังกล่าวกล่าวว่า ได้มีการวางแผนเรื่องการจัดการน้ำในอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว โดยได้เตรียมการก่อสร้างสร้างเขื่อนกรงปินัง, โครงการอ่างเก็บน้ำเบตง , เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ จ.ยะลาได้ทำหนังสือไปยังกรมชลประทาน เพื่อเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ หากได้รับการอนุมัติก็จะช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ จ.ยะลาได้ แต่ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ หยุดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เนื่องจากป่าไม้ในพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นป่าต้นน้ำ หากมีการบุกรุกทำลายป่ากันมากในอนาคตจะประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน

ใช้ถนนผลิตไฟฟ้าประโยชน์จากแรงกระแทก กระเทือนของรถ

บริษัทของสหรัฐฯ ได้พบวิธีใช้ประโยชน์ของถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ด้วยการประดิษฐ์โช้กอัพ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือน ในระบบกันกระเทือนของรถยนต์ ให้ใช้ประดิษฐ์พลังงานไฟฟ้าได้

โช้กอัพธรรมดาของรถยนต์ จะกระจายแรงกระแทกกระเทือนให้กลายเป็นความร้อน แต่โช้กอัพใหม่นี้ จะใช้แรงที่เกิดจากกระทบกระแทกมากำเนิดพลังงานไฟฟ้า เอาไปใช้ในรถกับใบปัดน้ำฝน หรือไฟส่องสว่างหน้าปัด

นักวิจัยของบริษัทแวนต์ เพาเวอร์ ผู้คิดประดิษฐ์ได้ตั้งชื่อโช้กอัพใหม่ว่า "เจนโช้ก" อวดว่า จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันลงได้ระหว่างร้อยละ 1-6 สุดแต่สภาพของถนน แม้จะมีราคาแพงกว่าโช้กอัพธรรมดาเล็กน้อย แต่ก็จะคุ้มค่า เขาอธิบายว่า ถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้รถต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนที่ทางแนวนอนและแนวตั้งพร้อมๆกัน จึงทำให้กินน้ำมันมากกว่าธรรมดา "เหมือนกับนักวิ่งที่ต้องโดดข้ามเครื่องกีดขวางไปด้วย".

ชีวิตแบบใหม่บนดวงจันทร์ ไม่ต้องฝากอยู่กับน้ำเหมือนกับของบนโลก

นักวิทยาศาสตร์องค์การอวกาศสหรัฐฯ ได้พบร่องรอยที่จำเป็นที่สุด แสดงว่าเคยมีสิ่งที่มีชีวิตแห่งยุคแรกเริ่ม อยู่บน "ไทตัน" ดวงจันทร์บริวารดาวเสาร์ดวงโตที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญได้รู้จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีบนพื้นผิวของไทตันว่า รูปแบบของชีวิตนั้น ได้ใช้อากาศบนดาวดวงนั้นหายใจ

นักชีววิทยาดวงดาว นายคริส แมคเคย์ กล่าวว่า "เราเห็นว่า การหายใจก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นก๊าซหล่อเลี้ยงชีวิตโดยแท้นั้น ก็เหมือนกับที่เราหายใจก๊าซออกซิเจนบนโลกของเรา หากร่องรอยเหล่านี้ปรากฏว่าเป็นร่องรอยของการมีชีวิต มันก็ต้องนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสองเท่า ด้วยเหตุว่า มันอาจจะแสดงถึงชีวิตรูปแบบที่สอง ที่ไม่ต้องอาศัยน้ำแบบเดียวกับชีวิตบนโลก.

กรมชลฯเร่งแก้วิกฤติภัยแล้ง ให้ปลูกพืชน้ำน้อยคั่นฤดูทำนา

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เผยถึงสาเหตุของปัญหาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมาว่า ปริมาณน้ำที่เก็บกักในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณไม่มาก อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ราคาผลิตผลทางการเกษตรค่อนข้างดีส่งผลให้เกษตรกรมีการปลูกพืชจำนวนมาก จึงทำให้การใช้น้ำมากตามไปด้วย ซึ่งเป็นการเอาน้ำในอนาคตมาใช้และในช่วงฤดูฝนของปีที่แล้วฝนค่อนข้างทิ้งช่วง ทั้งยังมีผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และสถานการณ์เอลนีโญ จึงทำให้ฝนตกน้อย อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำใช้งานได้ 35,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 11,641 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะที่เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ณ วันที่ 27 พ.ค.53 มีน้ำรวมกันอยู่ประมาณ 1,193 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 5% ดังนั้น จำเป็นต้องเฝ้าดูสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูฝนจึงต้องรอดูว่าปริมาณน้ำฝนที่จะตกมานั้นจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด

อธิบดีกรมชลประทานเผยอีกว่า นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ปรับระบบการปลูกข้าวใหม่ปีละ 2 ครั้ง และคั่นด้วยการปลูกพืชใช้น้ำน้อย น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำขณะนี้มีอยู่อย่างจำกัด หากเกษตรกรยังคงปลูกข้าวระบบเก่าที่ปลูกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอาจจะต้องเสี่ยงกับปัญหาขาดแคลนน้ำและทำให้ผลผลิตเสียหายได้ นอกจากนี้ การปรับระบบปลูกข้าวใหม่ยังช่วยแก้ไขปัญหาศัตรูพืชได้อีกทางหนึ่งด้วย.

Tuesday, June 8, 2010

ปะการังฟอกขาว ยังฟื้นตัวได้ ถ้าสิ่งแวดล้อมปกติ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยผลสำรวจสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ชี้สาเหตุหลักเกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น แต่สามารถฟื้นตัวได้หากสภาพสิ่งแวดล้อมกลับมาเป็นปกติ...

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ได้ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับปะการังฟอกขาวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 และยังได้ร่วมงานวิจัยกับนักวิจัยต่างประเทศ เช่น การศึกษาพันธุกรรมของสาหร่ายซูแซนเทลลี่ ที่อยู่ในปะการังที่ทนต่อการเกิดฟอกขาว การศึกษาอิทธิพลของคลื่นใต้น้ำที่นำมวลน้ำเย็นกระทบแนวปะการังซึ่งอาจทำให้ปะการังปรับตัวทนทานต่อการเกิดฟอกขาว

สำหรับในปี 2553 ทช.ได้สำรวจสภาวะการฟอกขาวของปะการังในน่านน้ำไทย ผลปรากฏว่า เกิดจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงผิดปกติ (อุณภูมิปกติประมาณ 28-29 องศาเซลเซียส) โดยพบว่าอุณหภูมิน้ำทะเลสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2553 เป็นต้นมา และอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นถึง 31 องศา เมื่อต้นเดือนเมษายน (อุณหภูมิที่อาจถือว่าเป็นจุดกระตุ้นให้เกิดการฟอกขาวคือที่ 30.1 องศาเซลเซียส หากปะการังอยู่ในสภาพที่อุณหภูมิสูงกว่า 30.1 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานต่อเนื่องเกิน 3 สัปดาห์ จะทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวขึ้น) ซึ่งเริ่มเกิดในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนเมษายน นอกจากในประเทศไทยแล้ว ยังมีการฟอกขาวของปะการังทั่วภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ได้แก่ แถบตอนใต้ของอินเดีย ศรีลังกา มัลดีฟ ซีเชลส์ พม่า มาเลเซีย และอินโดนีเซียด้วย

จากการสำรวจข้อมูลในประเทศไทย พบว่าแนวปะการังทุกจังหวัดทางฝั่งอันดามัน เกิดการฟอกขาวมากกว่า 70 % ของปะการังมีชีวิตที่มีอยู่ และหลังจาก 1 เดือน ปะการังที่ฟอกขาวเริ่มตาย 5 – 40 เปอร์เซ็นต์ (ขึ้นกับสถานที่) สำหรับฝั่งอ่าวไทย พบการฟอกขาวรุนแรงเช่นเดียวกับฝั่งอันดามัน โดยบริเวณกลุ่มเกาะตอนบนของจังหวัดชลบุรี (เกาะสีชัง เกาะนก เกาะสาก เกาะครก เกาะจุ่น) พบการฟอกขาวช้ากว่าจุดอื่นๆ

ข้อสังเกตอื่น ๆ ที่พบคือ บริเวณที่สิ่งแวดล้อมดี มีปะการังหลากหลายมักพบปะการังฟอกขาวไม่เต็มที่ บริเวณที่มีสิ่งแวดล้อมดีในน้ำลึก มีแนวโน้มฟอกขาวน้อยกว่าในบริเวณน้ำตื้น ส่วนบริเวณน้ำขุ่นแต่การไหลเวียนของกระแสน้ำดี ก็พบว่ามีปะการังที่ไม่ฟอกขาวเลยโดยเฉพาะในที่ลึก ซึ่งน่าจะเกิดจากการปรับตัวให้ทนทานต่อสิ่งแวดล้อม และความขุ่นของน้ำยังช่วยลดปริมาณแสงลงด้วย และแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์พบว่ามีการฟอกขาวมากกว่าปกติ ส่วนแนวปะการังบริเวณฝั่งตะวันตกตามเกาะต่างๆ ทางฝั่งอันดามัน มีแนวโน้มการเกิดฟอกขาวน้อยกว่าด้านอื่นๆ ของเกาะ ซึ่งอาจเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของมวลน้ำจากทะเลลึกที่เข้ามาช่วยบรรเทาผลของอุณหภูมิน้ำทะเล นอกจากนี้ยังพบว่าปะการังลายดอกไม้ (Pavona decussata) ปะการังดาวใหญ่ (Diploastrea heliopora) และ Leptastrea transversa เป็นชนิดที่มีแนวโน้มต้านทานต่อการฟอกขาวได้ดี

ปลัด ทส. กล่าวต่อไปว่า ปรากฏการณ์ฟอกขาวที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเล เกิดขึ้นระดับภูมิภาคหรือระดับโลก จึงไม่สามารถจัดการใดๆ ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลยืนยันได้ว่า ปะการังฟอกขาวฟื้นตัวได้หากสภาพสิ่งแวดล้อมกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาไม่นาน ลักษณะการฟื้นตัวอาจเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ

1. ปะการังที่ฟอกขาวสามารถทนสภาพที่อ่อนแอได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง หากอุณหภูมิน้ำลดลง ปะการังที่ฟอกขาวอยู่นั้นก็สามารถดึงสาหร่ายซูแซนเทลลี่สามารถกลับเข้าสู่เนื้อเยื่อ และสามารถฟื้นตัวมีสีดังเดิม กระบวนการฟื้นตัวของแนวปะการังแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้เร็วภายใน 2-3 เดือน เมื่ออุณหภูมิลดลงสู่สภาพปกติ (อุณหภูมิลดลงได้เนื่องจากลมมรสุมเข้าหรือมีเมฆฝนมาก) แต่หากสภาพแวดล้อมยังไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ปะการังบางชนิดจะเริ่มตายลง โดยสามารถสังเกตได้จากเริ่มเห็นสาหร่ายและตะกอนที่ขึ้นคลุมปะการัง

2. กรณีที่ปะการังที่ฟอกขาวได้ตายไป พื้นที่แนวปะการังที่เสื่อมโทรมลงจากการตายของปะการังเนื่องจากการฟอกขาวก็ยังสามารถฟื้นตัวได้ โดยมีตัวอ่อนปะการังเข้ามาเกาะในพื้นที่ หรือปะการังบางชนิดที่ยังเหลืออยู่ค่อย ๆ เจริญเติบโตครอบคลุมแนวปะการัง กระบวนการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย แนวปะการังจึงกลับมามีสภาพดีดังเดิม ทั้งนี้พื้นที่นั้นต้องมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม มีคุณภาพน้ำดี เช่น น้ำใสสะอาด ปราศจากการรบกวนของกิจกรรมของมนุษย์ มีพื้นแข็งสำหรับตัวอ่อนปะการังลงยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโต รวมทั้งมีระบบนิเวศที่ยังอยู่ในสภาพสมดุล ไม่มีการจับปลาหรือสัตว์ที่กินสาหร่ายออกจากพื้นที่มากเกินไป (เนื่องจากสาหร่ายที่คลุมตามพื้นจะทำให้ตัวอ่อนของปะการังไม่สามารถลงเกาะได้ รวมทั้งแก่งแย่งพื้นที่การเจริญเติบโตของปะการัง) แต่หากสมดุลของระบบนิเวศสูญเสียไป การฟื้นตัวของแนวปะการังจะเกิดขึ้นได้ช้ามาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

สำหรับระยะเวลาการฟื้นตัวของแนวปะการังจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการฟอกขาว ปริมาณและความหลากหลายของชนิดปะการังที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น ๆ การกระจายตัวอ่อนจากบริเวณใกล้เคียง และที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตของปะการัง

“การดำเนินการและการจัดการพื้นที่แนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากการฟอกขาว ควรส่งเสริมการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการังหลังการเกิดฟอกขาวโดยการจัดการพื้นที่ เช่น การงดกิจกรรมใดๆ ที่รบกวนปะการัง เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ประโยชน์จากแนวปะการัง โดยเฉพาะระยะแรก ๆ หลังการเกิดฟอกขาว ในระยะยาวที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวตามธรรมชาติของปะการัง การเข้าฟื้นฟูโดยมนุษย์อาจกระทำได้โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละบริเวณ และควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ ควรเฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่สามารถต้านทาน หรือทนทาน ต่อการเกิดปะการังฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนของปะการังตามธรรมชาติ ส่วนมาตรการระยะยาว อื่น ๆ ที่ต้องทำคือ การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงภาวะคุกคามต่อแนวปะการังเนื่องจากภาวะโลกร้อน” ปลัด ทส. กล่าว

'พ.ค.53'เอฟเฟกต์ ซัดครูไทยต้นเหตุ ม.5เผาห้องสมุด

แฟชั่นเผาเริงเมือง กรมสุขภาพจิตชี้โจ๋เครียดเพ่ิมขึ้นเพราะม็อบป่วน ด้าน "อาจารย์แม่" ย้ำนักเรียน ม.5 เครียดจนต้องเผาห้องสมุดราบ เพราะครูไทยห่วยแตก ด้าน "ประธานสภาเด็กและเยาวชน จ.อุดรธานี" หวั่นเด็กเทพมองเด็ก ตจว.รุนแรง แนะทำลายความแตกต่างด้วยการแลกเปลี่ยนนักเรียนกัน...

เป็นเรื่องถกเถียงกันเป็นวงกว้างอีกครั้ง ภายหลังเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ถูกระบุว่าเครียดจากโดนครูกดดันเพราะสอบได้คะแนนต่ำลงจากเดิม อีกทั้งยังอ้างว่าถูกเด็กนักเรียนในกรุงเทพฯ ดูถูกว่าเป็นนักเรียนต่างจังหวัด จนตัดสินใจนำน้ำมันราดเผาห้องสมุดชั้นล่างของอาคาร 2 จนวอดเสียหายมากมายเกือบ 200 ล้าน โดยอ้างว่าเลียนแบบพฤติกรรมการเผาของผู้ใหญ่

รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต หรือ อาจารย์แม่ กล่าวกับไทยรัฐ ออนไลน์ถึงประเด็นนี้ว่า ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ทั้งหมดคนที่เป็นต้นเหตุ เป็นคนที่น่าจะโดนสังคมตบมากกว่านักเรียนก็คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นครูคน

"ทุกวันนี้ภาพที่น่าเวทนาก็คือ ภาพของเด็กๆ หิ้วหนังสือไปโรงเรียนมากมายจนหลังแอ่น ดิฉันเคยเข้าไปถามว่า ทำไมถึงต้องแบกหนังสือมามากขนาดนี้ เขาบอกว่าเพราะว่าไม่รู้ว่าวันนี้ครูจะสอนอะไรบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่าคุณครูมีปัญหามากในการสอน เช่นไม่ทำตารางสอน เมื่อไม่เตรียมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะสอนอะไร ทุกวันนี้ดิฉันมองว่าทุกคนมองเห็นปัญหา แต่ไม่ยอมแก้ไข ปัญหาหลักอีกประการหนึ่ง วันนี้คนรุ่นใหม่กำลังตกอยู่ใน "ลัทธิเอาอย่าง" ซึ่งรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงบอกว่า "การเอาอย่างเขาจนไม่รู้จักคิด เขาก็จะเอ็นดูเราเหมือนลูกหมา" เหมือนพวกเด็กมหาวิทยาลัยที่แต่งตัวเลียนแบบเกาหลี เราก็เลยแซวไปว่า "พ่อมึงเป็นคนเกาหลีหรอ" อย่าว่าแต่เด็กอายุ 15-17 ปีไม่มีความคิด อายุ 25 ปีหลายคนก็ยังคิดอะไรดีๆ ไม่ได้"

อธิการมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต แนะนำวิธีแก้ไขว่า ให้เริ่มต้นย้อนไปดูการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า ในแต่ระดับชั้นจะเอายังไง แล้วเด็กเรียนจบไปแล้วเขาจะทำงานอะไร เอาให้ชัดๆ

"อยากให้ย้อนไปดูหลักสูตรสมัยก่อนที่เรียกกันว่า ม.8 เขาเรียกกันว่านักเรียนชั้นบริบูรณ์ คำว่าบริบูรณ์คือ ม.8 คือทำงานได้แล้ว เดี๋ยวนี้ ม.6 ก็น่าห่วงจริงๆ ม.1 ก็ยังมีนักเรียนบางคนอ่านหนังสือไม่ออก ที่มีนักเรียนจับฉลากเข้า ต้องไปเอาพวกครูประถมมาสอนเด็ก ม.ต้น ตอนนี้ไม่ต้องปฏิรูปอะไรแบบที่พูดมาตลอดหรอก มาคุยเรื่องการศึกษากันดีกว่า ทำใจให้กว้างเรื่องการยอมรับดีกว่า เราอยู่ในสังคมทุเรศ อับเฉาแล้วก็กำลังถอยหลังไปสู่ความเขลา พอเขลามากๆ ก็ไม่มีปัญญา ขอฝากว่าการวางพื้นฐานลูกหลานให้แน่วแน่วางพื้นฐานการเรียนกันใหม่ ครูก็ใช้จิตวิญญาณในการสอน ไม่ใช่สอนไปวันๆ"

ส่วนนายพิทักษ์ พลีขันธ์ ประธานสภาเด็กและเยาวชน จ.อุดรธานี แสดงความเป็นห่วงกรณีนี้ว่า อาจจะทำให้คนกรุงเทพฯ มองเด็กที่มาจากต่างจังหวัดไม่ดี ชอบใช้ความรุนแรงแม้ว่าจะมีคนออกมายอมรับ
"ปัญหาการดูถูกระหว่างเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ กับเด็กนักเรียนที่ดูถูกเด็กต่างจังหวัดกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว จากการที่เราคลุกคลีกับเด็กจากต่างจังหวัด พวกเขาก็เข้าใจความแตกต่าง และก็เจียมตัว เมื่อต้องย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ เพราะทั้งค่านิยมเริ่ดหรูหรา สิ่งแวดล้อม กระทั่งวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ เมืองที่มีแต่ความเจริญทางวัตถุ มันแตกต่างจากต่างจังหวัดแทบทุกอย่างกับโรงเรียนที่เราอยู่ ดังนั้นจึงอยากจะเสนอผู้ที่ดูแลทางด้านการศึกษา ให้จัดหลักสูตรแลกเปลี่ยนนักเรียนต่างจังหวัดกับเด็กกรุงเทพฯ ให้แลกเปลี่ยนไปเรียนในภูมิลำเนานั้นๆ เช่นคนที่เรียนอยู่ กทม.ให้มาลงวิชาเรียนที่เชียงใหม่ดูบ้าง เพื่อจะได้เข้าใจความแตกต่าง และวิถีชีวิตของแต่ละจังหวัด จะได้ลดความแตกต่างความแตกแยกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน"

ขณะที่นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักคิดนักเขียนและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมาธิ กล่าวว่า ข่าวนี้เป็นการสะท้อนถึงปัญหาแรงกดดันจากสังคมอย่างหนึ่ง การที่จะต้องเรียนเก่งเพราะว่าสังคมทำให้เกิดการแข่งขันเปรียบเทียบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแล้ว จริงๆ มันสะท้อนไปถึงภาพใหญ่ของสังคมไทยซึ่งวันนี้เราก็เป็นสังคมที่มีการเปรียบเทียบและการแข่งขันสูง แถมยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอีก โดยเฉพาะตัวเด็กเองก็บอกว่าเลียนแบบการเผาโรงเรียนมาจากผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

"กรณีนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะเยาวชนโดยธรรมชาติแล้ว จะเป็นเหมือนผ้าขาว มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่จะเอาอะไรไปแต้มให้เป็นอย่างไรก็ได้ในหัวใจเด็ก ประเด็นสำคัญผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของคนทุกคนในสังคมเราที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ อีกทั้งเราจะเห็นได้ว่ากรณีน้องคนนี้สะท้อนว่าการศึกษาเราเน้นที่ฐานความคิดมากเกินไป การจะพัฒนามนุษย์นั้นต้องมี 3 ฐาน โดยมี ฐานกาย ฐานใจ และฐานความคิด ฐานที่จะทำให้เราเกิดความแตกแยกก็คือความคิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยสอนเรื่องนี้ว่า อันดับแรกจะต้องมีสัมมาทิฐิ คือความเห็นชอบความเห็นถูก การจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีความแข็งแกร่งของฐานกายและฐานใจ"

วิธีแก้ไขชุดความคิดที่ว่าต้องเรียนเก่ง แพ้ไม่เป็น ซึ่งไม่เพียงจะทำร้ายเด็ก วันนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวน และปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง อย่าไปเอาค่านิยมที่ต้องสร้างเด็กที่เก่งจนเกินไป และไปแข่งขันกันในเชิงความคิดอย่างเดียว อาจจะทำให้ชีวิตและสังคมเราบิดเบี้ยวอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ขณะที่ นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงขั้นตอนในการตรวจเช็กสภาพจิตของเด็กคนนี้ว่าอยู่ในกระบวนการตรวจสอบพิเศษทางด้านอารมณ์ พฤติกรรมต่างๆ ว่ามีแนวคิดอย่างไร ผิดปกติไหม

"จริงๆ แล้วไม่อยากให้ตกใจเพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ส่วนมากปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงและความเสียหายคือ 1.คืออยู่ที่ตัวเด็กเอง เช่น ธรรมชาติของเด็กวัยรุ่นคือใจร้อน ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ค่อยได้ 2.สภาวะกดดันต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเด็ก จะมี 3 ระดับ อันแรกคือครอบครัว ซึ่งชอบสร้างหวังไปกับเด็กให้เรียนตามที่ตัวเองชอบ บางคนก็ทนได้และทนไม่ได้ ต่อมาคือสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การสอน การสอบ การแข่งขัน การปรับตัวกับเพื่อนและสังคมรอบข้าง ซึ่งต้องสรรหาข้อมูลมาว่ามันจะอยู่ในระดับไหนอย่างไร และอันสุดท้ายสังคมใหญ่ เช่น ค่านิยมของเด็กวัยรุ่นไทยที่มีความทะเยอทะยาน ฟุ้งเฟ้อ หรือความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง"

รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน พบว่ายิ่งโต ไอคิว-อีคิวของคนไทยก็ยิ่งต่ำลงจากเมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมา ทั้งความฉลาดทางสติปัญญา และทางอารมณ์ต่ำลงเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยความเครียดระดับสูงขึ้นร้อยละ 10 ความเครียดระดับปานกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 แล้วก็พบว่าเรื่องอารมณ์รุนแรงของการเมืองพุ่งขึ้นสูงที่สุดในวันที่ 19 พ.ค. 2553 ถึงร้อยละ 31 แม้โดยล่าสุดลดลงเหลือร้อยละ 25

"วิธีแก้ไขสภาวะกดดันทางสังคม ทางที่ดีก็ควรจะอยู่กับครอบครัว ซึ่งพ่อแม่จะต้องมีความใกล้ชิด ห่วงใย ดูแลลูก คอยสังเกตดูพฤติกรรม คนที่จะสังเกตคนได้ต้องมีความใกล้ชิดกันเสียก่อน แล้วจะรู้ว่าลูกเราเปลี่ยนไปหรือไม่ ซึ่งถ้าเขาไว้ใจเรา เขาก็จะเปิดใจคุยกับเราว่ามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วจะช่วยทำให้เขาในการปรับตัวได้ เพราะเด็กนั้นเป็นวัยที่กำลังแสวงหาคำตอบกับตัวเอง ซึ่งความใกล้ชิดความห่วงใยและคอยสังเกตพฤติกรรมจะช่วยได้มาก" รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตสรุป.

"ชินวรณ์" จี้ สพฐ.อัพเกรดแม่พิมพ์-ผู้บริหาร

หลังพบผลประเมินสมรรถนะน่าห่วง เร่งปรับปรุงผลิต "ครูพันธุ์ใหม่"โดยทำให้ผู้บริหารเป็นผู้บริหารมืออาชีพ...

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการประเมินสมรรถนะครูผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษารายบุคคลทั่วประเทศ ตามโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.ต้น คณิตศาสตร์ ม.ต้น วิทยาศาสตร์ ม.ปลาย วิชาฟิสิกส์ วิชาเคมี วิชาชีววิทยา วิชาโลกดาราศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาคอมพิวเตอร์ จากผลการประเมินที่ออกมา ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ครูผู้สอนโดยเฉพาะในระดับ ม.ปลาย มีความจำเป็นพิเศษที่ต้องพัฒนาให้มีความรู้ตรงกับสาระวิชาเอกที่สอน ตนจึงได้มอบให้ สพฐ.ไปดำเนินการพัฒนาครูให้เกิดความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ นอกจากนี้ หากเราต้องการเห็นผลการปฏิรูปการศึกษา โดยให้นักเรียนผ่านสาระการเรียนรู้เกิน 50% ในทุกวิชา ศธ.จะต้องไปปรับปรุงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ คือ ครูระดับประถมศึกษา และ ม.ต้น ควรสามารถสอนแบบบูรณาการ หรือมีวิชาเอกควบคู่ เพื่อให้สามารถสอนหลายวิชาในระดับประถม หรือ ม.ต้น ส่วนระดับ ม.ปลาย ต้องพัฒนาครูให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น โดยอาจจะส่งเสริมให้ครูได้มีโอกาสไปเรียนต่อในหลักสูตรระดับ ป.โท หรือจัดให้มีหลักสูตร 4+2 คือ ป.ตรี และ ป.โทต่อไปในอนาคต

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า ส่วนผลการประเมินผู้บริหาร ซึ่งมีผู้เข้าประเมิน 37,522 คนนั้น สพฐ.จะต้องไปหาแนวทางพัฒนาผู้บริหารที่ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยทำให้ผู้บริหารเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ซึ่งแม้ผู้บริหารจะมีองค์ประกอบด้านการเป็นผู้นำฯอยู่ในกลุ่มสูงเป็นที่น่าพอใจ แต่วิชาที่ว่าด้วยภาษาอังกฤษและเทคโนโลยียังมีค่าคะแนนในระดับต่ำถึง 94.81% จำเป็นต้องเร่งปรับปรุง.

นกเค้าแมวมลายู..ของแฮร์รี่ เกาะชวาถิ่นเกิด..ไทยมีที่นราฯ

แฮร์รี่พอตเตอร์...พ่อมดหนุ่มรูปหล่อ...มีสัตว์ เลี้ยงเป็น นกเค้าแมว ชื่อว่า...เฮดวิด ที่มักจะคอยช่วยเหลือ ด้วยเวทมนตร์ต่างๆ โดยเชื่อกันว่า...พ่อมดแม่มดใช้เฝ้ายามแทนที่จะเป็นสุนัข พวกมันจะส่งเสียงร้องเมื่อมีอะไรผิดปกติ เพื่อเตือนให้เจ้าของสามารถหายตัวไปได้ทัน

นกเค้าแมว ของแฮร์รี่ตัวนี้ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ ฉลาดอย่างที่เราเห็นในภาพยนตร์ดังกระฉ่อนโลก ผู้ฝึกนกฮูกเพื่อใช้เข้าฉากแสดง บอกหลังจากที่เปิดตัวนักแสดงว่า มันเป็นนกแก่ๆ ที่ไม่ได้เชื่องเลยสักนิด อีกทั้ง ไม่เคยแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรออกมาทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่มันสนใจ ก็คือ...อาหารกับคนที่จะให้อาหารมันเท่านั้น...!!!

ฉะนั้น "หลายชีวิต" จึงขออาสาพาท่านไปรู้จัก กับเจ้านกฮูกตัวนี้ว่ามันคือ...นกเค้าแมวพันธุ์มลายู หรือ นกฮูกมลายู และอีกชื่อหนึ่ง...นกทึดทือมลายู (Buffy Fish Owl) ถิ่นกำเนิดพบครั้งแรกที่เกาะชวา ประเทศ อินโดนีเซีย กระจายพันธุ์ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะซุนดาใหญ่ เมื่อสำรวจไปทั่วโลกพบว่ามี นกเค้าแมวพันธุ์มลายู 4 ชนิดย่อย ในประเทศไทยพบ 1 ชนิดย่อย คือ Ketupa ketupu aagaardi neumann โดยพบครั้งแรกที่ จังหวัดนราธิวาส

นกเค้าแมวมลายู มี ลักษณะหน้าตาคล้ายแมว เป็นนกขนาดกลาง 49-50 ซม. ปีกสั้นกว่า 40 ซม. ดวงตาสีเหลืองจนถึงเหลืองแกมทอง มีขนเหนือคิ้วเป็นแผง ยาวออกไปด้านข้างทั้งสอง ด้าน ส่วนขนบริเวณเหนือโคนปากเป็นสีขาว ลำตัวด้าน บนสีน้ำตาลมีลายสีจางกระจาย ด้านล่างสีเนื้อแกมน้ำตาลเหลือง มีลายขีดสีดำ เมื่อ หุบปีกจะเห็นลายแถบสีน้ำตาลจางสลับสีเข้มบริเวณปลายปีก ขาสีเขียว มีเล็บโค้งแหลม และมีปากงุ้มแหลม

ส่วนการผสมพันธุ์ในช่วงฤดูหนาวต่อฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน จากนั้นจึงพากันไปทำรังอยู่ในโพรงไม้ หรือใช้รังเก่าของนกอื่นๆ มักอาศัยอยู่ตามป่าดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ตั้งแต่ระดับพื้นราบ จนกระทั่ง ความสูง 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ใกล้แหล่งน้ำ ลำธารในป่า และบริเวณใกล้ฝั่งทะเล ส่วนใหญ่หากินในเวลากลางคืน ชอบจับสัตว์เล็กๆกิน โดยอาหารของมันจะเป็น ปลา กบ ปู ค้างคาว นก และสัตว์เลื้อยคลานเกือบทุกชนิด

...ความลี้ลับของมันมักจะเกิดขึ้น เนื่องจากการออกมา โชว์ตัวเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น โดยมีดวงตากลมโตหันจับจ้องไปข้างหน้า ส่วน หัวของมันสามารถหันไปได้รอบตัว ส่วนหูของนกเค้าแมว ก็รับรู้เสียงได้ไวมากเป็นพิเศษ อีกทั้ง บางชนิดการส่งเสียง ร้องที่แหลมเล็ก หรือการคำรามขู่ที่น่าสะพรึงกลัว พวกมันมีขนปีกอ่อนนุ่ม ชอบขยับปีกบินได้เงียบเชียบเพื่อ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว แถมยังดูน่ากลัวแฝงอยู่ด้วย นี่คือ...เหตุผลที่มันมักอยู่ในเรื่องราวแปลกๆเหนือธรรมชาติเสมอ

นกเค้าแมวสายพันธุ์มลายู นี้ จะมีการนำตัวมันมาโชว์ไว้ที่ในงาน "Seacon Pet Planet" ระหว่างวันที่ 5-13 มิถุนายน 2553 ณ ลานน้ำพุ ชั้น 1 ศูนย์ สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ โดยร่วมกับ สวนนกจังหวัดชัยนาท จัดสร้างกรงนกขนาดใหญ่กลางศูนย์การค้าเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจ โดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน ได้ชมฟรี...พร้อมกับเข้ามาศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของนก อีกทั้งเป็น การส่งเสริม และ อนุรักษ์นกสวยงามของประเทศไทยให้คงอยู่สืบไป...!!!

Tuesday, June 1, 2010

ศธ.เดินหน้าพัฒนาครูต้นแบบครู 3 หมื่นคน

สพฐ.จัดอบรมพัฒนาศักยภาพครู ที่มีผลประเมินอยู่ในระดับที่สูง 10% ประมาณ 30,000 คน เพื่อให้ครูเหล่านี้มาเป็นครูต้นแบบให้แก่ครูส่วนอื่น ตั้งเป้าจะอบรมกลางเดือนมิ.ย.นี้...

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการประเมินพื้นฐานความรู้ของครูเป็นรายบุคคลเพื่อใช้ในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินผลการสอบประเมินความรู้ของข้าราชการครูประมาณ 4 แสนกว่าคนใน 8 กลุ่มสาระวิชาต่างๆ อาทิ คณิตศาสตร์ บรรณารักษ์ ภาษาไทย ซึ่งหลังจากประเมินผลเสร็จแล้ว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพครู ที่มีผลประเมินอยู่ในระดับที่สูง 10% หรือประมาณ 30,000 คน เพื่อให้ครูเหล่านี้มาเป็นครูต้นแบบให้แก่ครูส่วนอื่น ตั้งเป้าจะอบรมกลางเดือน มิ.ย.นี้ โดยมีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย จัดอบรมให้ สำหรับครูที่เหลืออีก 4 แสนกว่าคน สพฐ.จะจัดอบรมอีเทรนนิ่งให้ในปีนี้เช่นเดียว กัน โดยจะแบ่งเป็นครูระดับกลางและระดับล่าง ส่วนผู้บริหารสถานศึกษาประมาณ 30,000 กว่าคนนั้นจะจัดอบรมเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การประเมินความรู้ของครูและผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศนี้ผลคะแนนที่ออกมาจะไม่มีผลอะไรแต่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาครู

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้มอบให้ สพฐ.จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับ เคลื่อนการใช้หลักสูตรแกนกลางเพื่อพัฒนาการศึกษาในทศวรรษที่สอง ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินการให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยมีเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธาน โดยปีการศึกษา 2553 จะจัดทำแนวทาง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน จากนั้นจะทำเวิร์กช็อปเพื่อนำหลักสูตรแกนกลางมาใช้อย่างแท้จริง เพื่อบูรณาการหลักสูตรแกนกลางให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผลโดยเฉพาะสนองตอบต่อเป้าหมายที่ต้องการเห็นการจัดการศึกษาในอนาคต เพื่อเด็กได้มีการพัฒนาทุกด้าน

นก"อีเสือสีน้ำตาล"ฟันแหลมคม ฉีกอาหารกินคล้ายเสือ

ช่วงนี้เริ่มงวดเข้าสู่ฤดูฝนเข้าไปทุกขณะ หลายพื้นที่ "น้ำจากฟ้า" เริ่มตกลงมาประปรายสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับทุ่งหญ้า ป่าเขา ส่งผลให้กลุ่ม "รักษ์ธรรม ชาติ" โดยเฉพาะนัก "ส่องนก" เริ่มเสาะหาพื้นที่ปักหลักกางเต็นท์กันแล้ว

และ...นางสาวปัญจพร ศรีบุญช่วย ทีมงานจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้แนะนำ "นกอีเสือสีน้ำตาล" ที่นอกจากจะมีนิสัย ฉีกทึ้งอาหารคล้ายเสือ ยังชอบเก็บไว้กินมื้อถัดไป ผ่านมายังทีมงาน "หลายชีวิต" ให้หลายๆคนรู้จักไปพร้อมกัน

...อีเสือสีน้ำตาล (Brown shrike) เป็นนกเมืองหนาวอพยพย้ายถิ่นอาศัยเข้ามาหากินในประ–เทศไทย พบได้บ่อยในช่วงปลายฤดูร้อนและปลายฤดูฝน ทั่วประเทศมีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิด คือ นกอีเสือลายเสือ นกอีเสือหลังแดง นกอีเสือหลังเทา นกอีเสือสีน้ำตาล และนกอีเสือหัวดำ ซึ่งสองชนิดหลังนี้จะพบบ่อยตามทุ่งนา ป่าหญ้า

นกอีเสือฯ มีนิสัยหวงถิ่นหากิน ส่งเสียงดัง "แจ้ก... แซ้ก...แจ้ก...แซ็ก" บินวนไปมาเพื่อไล่นกชนิดอื่นๆที่เข้ามาใกล้เขตหากิน ไม่เว้นแม้แต่นกล่าเหยื่ออย่างเหยี่ยว ชอบหากินตามลำพัง เกาะอยู่ตัวเดียวตามกิ่งไม้ รั้วบ้าน ทุ่งหญ้า ท้องนาโล่ง อย่างสงบนิ่งไม่ส่งเสียงหรือเคลื่อนไหว มีเฉพาะเพียงดวงตาที่คอยขยับเขยื้อนจับจ้องมองหาเหยื่อโชคร้ายที่ผ่านไปมา

...อย่างพวกแมลงปีกแข็ง ตั๊กแตน กบ เขียด จิ้งเหลน กิ้งก่า ลูกหนู รวมทั้งลูกนก พวกมันก็ไม่ละเว้น ถ้ามันได้เหยื่อจะใช้ปากงุ้ม เขี้ยวที่แหลมคมฉีกเนื้อของเหยื่อที่จับได้ออกเป็นชิ้นๆกิน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมพวกมันที่คล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเสือโคร่งหรือเสือดาว คือหลังจับเหยื่อได้แล้วด้วยเพราะว่ากรงเล็บมันไม่แข็งแรงพอจับเหยื่อฉีกกิน

ดังนั้นมันจึงต้องใช้ ประโยชน์จากต้นไม้ที่มีหนาม หรือแม้กระทั่งลวด หนามเพื่อเสียบเหยื่อให้ สามารถฉีกกินได้สะดวก จนกระทั่งอิ่ม นิสัยของนกอีเสือฯ ยังชอบ "เหลือเหยื่อไว้กินคราวต่อไป" พฤติกรรมนี้นอกจากง่ายต่อการ "เปิบ" ในมื้อนั้นแล้ว ยังอวดความสามารถในการล่า เพื่อดึงดูดตัวเมียด้วยเช่นกัน

รูปร่างลักษณะของนกอีเสือฯนั้น หัว โต คิ้ว เป็นเส้นสีน้ำตาลอ่อนออกขาว ปาก ใหญ่หนา ปลายปากแหลมงุ้มเป็นจะงอยสีน้ำตาลเข้มออกดำ ซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่นของมัน และที่แปลกกว่านกทั่วๆไปคือ พวกมันมี "ฟันแหลมๆหนึ่งซี่อยู่ที่ขอบปากบน" มี แถบสีดำตั้งแต่โคนปากไปถึงหู ดูคล้าย "หน้ากาก"

ลำตัว เพรียว ขน คลุมลำตัวสีน้ำตาลแดง ปีก สีน้ำตาลเข้มที่ใต้คาง หน้าอกสีน้ำตาลปนขาว หาง ยาวสีตาลเข้มกว่าลำตัว ใต้หางบริเวณก้นสีน้ำตาลปนเทาอ่อน ขาสีดำ เล็บแข็งแรงแหลมคม ตัวผู้และตัวเมียสีจะคล้ายกัน

สำหรับช่วงฤดูผสมพันธุ์จะอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม หลังจากจับคู่แล้ว ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันหากิ่งเหมาะบนต้นไม้ที่มีความสูง เพื่อทำรังวางไข่ ครั้งหนึ่งมีประมาณ 3-6 ฟอง ใช้เวลากก 15-16 วัน ลูกนกจึงออกมา ในวัยที่ยังเล็กทั้งพ่อและแม่นกจะช่วยกันหาอาหารมาป้อน กระทั่งผ่านพ้น 2 สัปดาห์ เจ้าตัวเล็กจะเริ่มหัดบิน

เมื่อปีกกล้าขาแข็งดีแล้ว จึงออกจากอกแม่บินแล้วสู่โลกกว้างไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง ในช่วงที่ยังไม่โตเต็มวัย แถบคาดที่เป็นหน้ากากจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ขนคลุมลำตัวสีน้ำตาลแดง บริเวณใต้คางถึงหน้าอกสีขาวนวล มีลายคล้ายเกล็ดปลาทั่วตัว โตเต็มวัยวัดจากหัวถึงปลายหางยาวประมาณ 20 ซม.

อย่างไรก็ตาม แม้บรรดาเกษตรกรต่างยอมรับกันว่านกอีเสือฯเป็นนกที่มีส่วนช่วยลดประชากรของแมลงศัตรูพืชตามท้องไร่ท้องนาได้ดีเยี่ยม แต่ ปัจจุบันพบว่าประชากรของนกอีเสือฯเริ่มหมิ่นเหม่ต่อการสูญพันธุ์ ฉะนี้พวก มันจึงถูกจัดเป็นหนึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองด้วยเช่นกัน!!!!!

มทร.คว้า 8 รางวัลงานวิจัยสตร

นักวิจัยสตรีจาก มทร.ธัญบุรีคว้า 8 รางวัล จากการส่งผลงานร่วมประกวดในงาน Korea International Women's Invention Exposition 2010 (KIWIE 2010) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี...

รศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ มทร.ธัญบุรีได้ส่งผลงานร่วมประกวดในงาน Korea International Women's Invention Exposition 2010 (KIWIE 2010) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นการประกวดงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์ของนักวิจัยสตรี มี 109 หน่วยงาน จาก 31 ประเทศเข้าประกวด ปรากฏว่านักวิจัยสตรีจาก มทร.ธัญบุรีคว้า 8 รางวัล คือรางวัล KIWIE Award ได้แก่ ผศ.ดร.สิริแข พงษ์สวัสดิ์ และ น.ส.สุทธวรรณ สุพรรณ จาก "ถังปฏิกรณ์ชีวภาพแบบใช้แสงแนวตั้งสำหรับการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อการผลิตพลังงานชีวภาพ" รางวัล KOTRA (Korea Trade-Investment Promotion Agency) ได้แก่ นางวีราภรณ์ ผิวสอาด จาก "ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตจากพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" รางวัลเหรียญเงิน 3 รางวัล ได้แก่ ผศ.ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ และ น.ส.ธัญญนันท์ วรเศรษฐพงษ์ จาก "แผ่นกระเบื้องยางปูสนามภายนอกอาคารทำจากวัสดุยางธรรมชาติ คอมโพสิต" เหรียญทองแดง 3 รางวัล ได้แก่ นางรุ่งนภา ผลพฤกษา จาก "การออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเครื่องถมเงินลวดลาย 12 นักษัตร จ.นครศรีธรรมราช" น.ส.กิติยาพรรณ โพธิ์ล่าม, ผศ.สาคร ชลสาคร, นางอุไรวรรณ คำสิงหา และ ผศ.สุรเดช ชูพินิจรอบคอบ จาก "การพัฒนาแปรรูปสิ่งทอจากเปลือกโสน" ผศ.มาริน สาลี จาก "การพัฒนาแปรรูปอาหารจากโสน"

กระชับพื้นที่สูบบุหรี่ออกประกาศ3ประเภท

รมว.สาธารณสุขเดินหน้ากระชับพื้นที่สูบบุหรี่100% ออกประกาศ ฉ.19จำกัดพื้นที่ 3 ประเภท1.ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด 2.นอกอาคารที่จัดให้ และ 3.สูบในอาคารได้เฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิในส่วนต่างประเทศ...

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่ากระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 19 จำกัดพื้นที่อนุญาตให้สูบบุหรี่เหลือน้อยลง โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 28 มิ.ย. 2553 นี้ ประกาศดังกล่าวได้กำหนดพื้นที่ไว้ 3 ประเภทคือประเภทที่ 1 ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด 100 % ประเภทที่ 2 กำหนดพื้นที่สูบภายนอกอาคาร ที่จัดไว้ให้เท่านั้น ประเภทที่ 3 อนุญาตให้สูบในอาคารได้ ภายใต้ประกาศฉบับนี้จะเหลือพื้นที่เดียวคือที่สนามบินสุวรรณภูมิ เฉพาะในส่วนต่างประเทศ ให้สูบได้ในห้องที่จัดไว้เท่านั้น แต่ในอนาคตก็จะมีนโยบายห้ามสูบเช่นเดียวกันในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 20 ต่อไป

นอกจากนี้ จะปรับแผนควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ที่ตั้งเป้าปี 2554 -2557 โดยในปี 2557 จะรณรงค์ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งประเทศให้ได้อย่างน้อย 140,000 คน คนภายใน 4 ปี โดยจะให้เหลือคนสูบบุหรี่ทั้งหญิงและชาย ไม่เกิน 13 ล้านคนทั่วประเทศ จากผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดทั้งชนิดมีควันและไม่มีควัน จำนวน 14.3 ล้านคน ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน มิ.ย.นี้

รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ผู้หญิงมีแนวโน้มสูบบุหรี่มากขึ้นว่า เป็นเพราะว่าบริษัทบุหรี่พยายามจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ เนื่องผู้หญิงยังสูบบุหรี่น้อย ยังเหลือผู้หญิงที่ไม่สูบอีกเป็นจำนวนมาก จึงคิดว่าเป็นตลาดใหญ่ที่จะเจาะและแสวงหากำไรทางธุรกิจได้ เพราะผู้หญิงทั่งโลกสูบบุหรี่ 200 ล้านคนจากคนที่สูบบุหรี่ทั้งโลก 1,000 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 20 เป็นช่องทางทางการตลาดที่ที่จะเจาะได้ จึงมีความพยายามที่จะผลิตบุหรี่ที่จะจูงใจให้ผู้หญิงสูบบุหรี่มากขึ้น เช่นทำเป็นมวนขนาดเล็ก ทำรูปแบบซองให้สวยงาม ดูดี ใส่กลิ่น ปรับรส แต่งกลิ่นซึ่งบุหรี่ไม่ได้เป็นอันตรายเฉพาะตัวผู้สูบเอง แต่ยังมีผลถึงคนรอบข้างรวมที่มีโอกาสได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากให้ทุกคนเลิกสูบบุหรี่ เพราะได้พิสูจน์แล้วทั้งโลกว่าบุหรี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ทำลายสุขภาพ.