Thursday, May 21, 2009

ม.มหิดลชูงานวิชาการ-วิจัยก้าวสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก

"ผมมีนโยบายพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลให้เป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก สร้างความเป็นเลิศทางด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และนวัตกรรมบนพื้นฐานของคุณธรรม เพื่อสังคมไทย และประโยชน์สุขแก่มวลมนุษยชาติ จะมุ่งเน้นวิจัยใน 3 ด้าน ทั้งชีวะทางการแพทย์ ชีววิทยาศาสตร์และวิศวะด้านการแพทย์ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ในการป้องกันโรคและพัฒนาสุขภาพของคนไทยและคนทั่วโลก"

ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) วัย 61 ปี บอกถึงนโยบายบริหารมหาวิทยาลัยมหิดลที่ ยึดมั่นมากว่า 1 ปีที่มานั่งเก้าอี้อธิการบดี หลังจากเรียนจบคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อปี 2514 เริ่มรับราชการที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะหมอผ่าตัดฝีมือดีเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ต่อมาปี 2543 เป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและนั่งในตำแหน่งนี้กว่า 7 ปี

หลังจากนั้นช่วงปลายปี 2550 "ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล" มาเป็นอธิการบดีซึ่งช่วงนั้นเป็นระยะเปลี่ยนผ่านจากมหาวิทยาลัยรัฐไปสู่การ เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เขาก็มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ ล่าสุดผลการจัดอันดับของ QS Asian Universities Ranking 2009 ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยมหิดลเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย 4 แห่ง ที่ติดอันดับ 1 ใน 100 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยมหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอยู่ในอันดับ 30 ของเอเชีย

มหาวิทยาลัยมหิดลถือ กำเนิดจาก "โรงศิริราชพยาบาล" ณ วันนี้มีอายุ 123 ปี แต่หากนับจากวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2512 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯปรับปรุงมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โดยจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่เรียกว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นชื่อมหาวิทยาลัย แทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม ปีนี้มหาวิทยาลัยมหิดลจึงมีอายุ 40 ปี

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลแจกแจง ว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งนี้มี 34 คณะ เปิดสอนด้านการแพทย์ 3 คณะ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและคณะเวชศาสตร์เขตร้อน และเปิดสอนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ รวมทั้งวิทยาลัยนานาชาติด้วย มีนักศึกษาทั้งหมด 2.7 หมื่นคน อาจารย์ 3,700 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 60-70% จบปริญญาเอก มีโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ในความดูแล 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลรามาธิบดี

"มหาวิทยาลัยมุ่งผลิตบัณฑิตให้เป็นคนมีคุณธรรมจริยธรรม มีความเป็นผู้นำ และมีความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญปลูกฝังให้บัณฑิตทุกคนยึดถือและสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรม ราชชนกที่ทรงสอนให้พึงปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนดังปฏิบัติต่อตนเอง" ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล บอกถึงนโยบายผลิตบัณฑิต

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลบอก ด้วยว่า การที่มหาวิทยาลัยเปลี่ยนไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐนั้น ปัญหาใหญ่ที่สุดคืองบประมาณเพราะมหาวิทยาลัยมีโรงพยาบาลต้องดูแลถึง 2 แห่งรวมกันแล้ว ดูแลคนไข้ปีละ 3-4 ล้านคน รวมทั้งงบเงินเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัยและงบวิจัย จึงต้องใช้งบประมาณมหาศาล

"การพัฒนามหาวิทยาลัยต้องใช้งบประมาณมาก มหาวิทยาลัยพยายามพึ่งตัวเองให้มากที่สุด แต่งบก็ไม่พอ เวลานี้รัฐบาลมีงบประมาณจำกัดซึ่งเข้าใจดี การเปลี่ยนแปลงมหาวิทยาลัยจึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป" ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล บอกทิ้งท้าย

No comments: