Thursday, May 21, 2009

จับครูกาฬสินธุ์เรียกรับเงินครูอ้างทำอาจารย์3ได้

รวบครูสาวสังกัด สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 เรียกรับเงิน 3 หมื่น จากครู คศ.2 สังกัด สพท.ขอนแก่น เขต 2 อ้างสามารถแก้ไขคะแนนขอเลื่อนวิทยฐานะเป็นครู คศ.3 ให้ได้ ครูสาวซัดทอด อจ.คณะศึกษาศาสตร์ ม.ขอนแก่น เป็นคนทำ ยอมรับได้รับส่วนแบ่ง 10% ตำรวจเชิญตัวอาจารย์ มข.สอบ แต่ยังให้การภาคเสธ ระบุมีครูยอมจ่ายไปแล้ว 8 ราย เผยเหตุยอมจ่าย ได้เงินเพิ่มค่าวิทยฐานะจากเดือนละ 3,500 บาท เป็น 11,200 บาท

เหตุการณ์ตำรวจจับครูสาวสังกัด สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 เรียกรับเงินจากครู อ้างว่าสามารถแก้คะแนนขอเลื่อนเป็นครูชำนาญ การพิเศษได้ เปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ต.อ.สุจินต์ นิชพานิชย์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น มอบหมายให้ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำโดย ร.ต.อ.พันธ์เพชร เหล่ากำเนิดเพชร รองสารวัตรสืบสวน นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ทิพย์สุดา ชนุกาญจน์ หรือครูหมอก อายุ 42 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง สังกัด สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 ขณะนัดรับเงินจาก นายประยูร มานนท์ ครูชำนาญ การ โรงเรียนบ้านเขวา ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น สังกัด สพท.ขอนแก่น เขต 2 หลังจาก น.ส.ทิพย์สุดา ได้เรียกรับเงินจำนวน 3 หมื่นบาท โดยอ้างว่าสามารถแก้ไขคะแนนเพื่อให้นายประยูรได้เลื่อนเป็นครูชำนาญการพิเศษ

ภายหลังจับกุมตำรวจควบคุมตัว น.ส.ทิพย์สุดา มาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น ก่อนจะนำตัวส่งให้ พ.ต.ต.พีระพัฒน์ เทพบรรหาร พนักงานสอบสวน สภ.ย่อย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินคดีต่อไป

นายสมยงค์ แก้วสุพรรณ ประธาน อกคศ. สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ได้รับการประสานทางโทรศัพท์จากนายประยูร ว่า ได้ส่งผลงานเพื่อขอเลื่อนเป็นครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) หรืออาจารย์ 3 มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ผลงานไม่ผ่าน คณะกรรมการระบุให้ปรับปรุงผลงาน

จนกระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายประยูรได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ทิพย์สุดา บอกว่าจะแก้ไขคะแนนให้ โดยเรียกรับเงินค่าตอบแทนจำนวน 3 หมื่นบาท และมีการนัดพูดคุยกันในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่บริเวณคอมเพล็กซ์ ชั้น 2 มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทั่งถึงเวลาได้มาตามนัด แต่เนื่องจากวันดังกล่าวไม่มีเงิน จึงนัดชำระเงินในช่วงเที่ยงวันที่ 20 พฤษภาคม

นายสมยงค์กล่าวว่า ได้บอกกับนายประยูรไปว่า ในการยื่นผลงานขอเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์ไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด จึงประสานกับ พ.ต.อ.สุจินต์ กระทั่งได้ส่งตำรวจชุดสืบสวนเข้าจับกุมได้พร้อมธนบัตรของกลางฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 30 ฉบับ รวมเป็นเงิน 3 หมื่นบาท และซองเอกสารที่ภายในบรรจุแบบสรุปผลการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติ หน้าที่เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งนายประยูรได้คะแนนเพียง 56 คะแนน แต่ในใบประเมินมีการแก้ไขเป็น 75 คะแนน

นายสมยงค์กล่าวต่อว่า ขณะตำรวจเข้าจับกุมตัว ตนได้สอบถาม น.ส.ทิพย์สุดา ก็ทราบว่าเป็นครูสอน ที่ จ.กาฬสินธุ์ บอกว่า ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ประสานงานเท่านั้น โดยได้รับคำสั่งมาจากอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย น.ส.ทิพย์สุดาจะได้เงินส่วนแบ่ง 10% ของเงินที่เรียกเก็บทั้งหมด พร้อมกับระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีครูสังกัด สพท.ขอนแก่น เขต 3 นำเงินมาจ่ายให้แล้ว 8 ราย รายละ 3 หมื่นบาท รวมเป็นเงินจำนวน 2.4 แสนบาท

"การขอเลื่อนวิทยฐานะนั้น ตามระเบียบไม่ต้องเสียเงิน ถ้าหากไม่ผ่านการประเมิน ทางคณะกรรมการก็มีเกณฑ์การเยียวยาอยู่แล้ว การเรียกเก็บเงินดังกล่าวถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียของวงการครู ที่ผ่านมาผมมีการติดตามหากระบวนการดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถจับได้ซึ่งๆ หน้าเหมือนในครั้งนี้ อีกทั้งเป็นการสมยอมระหว่างครูและคณะกรรมการบางรายที่มีการเรียกรับเงินเท่านั้น ทำให้การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นไปได้ยาก สาเหตุที่ครูยอมจ่ายเงินจำนวน 3 หมื่นบาท เพื่อแลกกับเงินวิทยฐานะนั้น เพราะจากเดิมครู คศ.2 จะได้รับเงินวิทยฐานะเดือนละ 3,500 บาท แต่หากได้เลื่อนเป็นครูชำนาญการพิเศษจะได้รับเงินค่าวิทยฐานะเดือนละ 11,200 บาท จึงทำให้ครูเหล่านี้ยอมที่จะจ่ายเงิน" นายสมยงค์กล่าว

ประธาน อกคศ.สพท.ขอนแก่น เขต 2 กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวส่งผลกระเทือนต่อวงการการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ส่วนครูสาวจาก จ.กาฬสินธุ์ ก็ผิดต่อวิชาชีพครู มีความผิดทั้งอาญา วินัย และทางแพ่ง โทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้คงต้องปล่อยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 ต่อไป

ด้านนายประยูรกล่าวว่า การให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรียกรับเงินอาจารย์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นครั้งนี้ เพราะคิดว่าหากไม่ผ่านการพิจารณาในการเลื่อนวิทยฐานะก็คงต้องทำใจยอมรับสภาพ และถ้าหากว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเรียกรับเงินจริงก็คิดว่าตนคงจะไม่ ผ่านการพิจารณาแน่

"ทันทีที่มีการเรียกเงินจำนวน 3 หมื่นบาท ผมก็ได้ปรึกษากับนายสมยงค์ ว่าควรทำอย่างไร ซึ่งได้คำตอบว่าหากมีการจ่ายเงินดังกล่าวอาจจะทำให้วงการครูเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะเท่าที่ทราบ ครูสังกัด สพท.ขอนแก่น เขต 3 มีการจ่ายเงินไปแล้ว 8 ราย และคิดว่าก็คงจะมีรายอื่นๆ ตามมา ซึ่งครูบาง ส่วนอาจจะคิดว่าเงินจำนวนดังกล่าวน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงินที่ได้รับเดือนละ หมื่นกว่าบาทก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ผมไม่ชอบวิธีการเรียกรับเงินเหล่านี้" นายประยูรกล่าว

นายประยูร กล่าวอีกว่า หากไม่ผ่านการพิจารณาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะยื่นขอปรับปรุงอีก 6 เดือน หากไม่ผ่านก็ปรับปรุงอีก 3 เดือน และยังมีขั้นตอนอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งอยากจะฝากไปถึงครูผู้ร่วมวิชาชีพว่า หากตั้งใจทำจริงเชื่อว่าคงจะผ่านการประเมินโดยไม่ต้องไปเสียเงินแต่อย่างใด

ด้าน ร.ต.อ.พันธ์เพชร กล่าวว่า ภายหลังสอบปากคำ น.ส.ทิพย์สุดา ซึ่งให้การซัดทอดไปถึงอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวอาจารย์จากคณะศึกษาศาสตร์มาสอบปากคำ เบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ และอ้างว่าไม่ทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจจะขยายผลสืบสวนต่อไป รวมทั้งส่งตัว น.ส.ทิพย์สุดา ให้ตำรวจ สภ.ย่อย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการสอบสวนและแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

No comments: