Friday, April 17, 2009

ชูโครงการพระราชดำริในหลวงสร้างความปรองดองคนในประเทศ

ชูโครงการราชดำริในหลวงให้ป.ป.ช.ปฏิบัติหวังสร้างความปรองดองคนใน ประเทศ เลขาธิการ กวช.เผยอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลพร้อมเปิดเวทีผ่านโครงการวัฒนธรรมไทยสายใย ชุมชน เริ่ม พ.ค.นี้ทั่วประเทศ

นางฉวีรัตน์เกษตรสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.) กล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนหลังจากเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการกวช.ว่าจากการที่ตน ได้เรียกทุกหน่วยงานในสังกัดเพื่อรับฟังแนวทางการดำเนินงานเป็นอันดับแรก พบว่าสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือการนำมิติวิถีชีวิตและภูมิปัญญามาช่วยแก้ ปัญหาความแตกแยกของประชาชนในชุมชนเดียวกัน เพราะขณะนี้ปัญหาดังกล่าวลุกลามในระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล ประชาชนมีความคิดเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ทำงานกับท้องถิ่น จึงจะช่วยหาแนวทางแก้ปัญหา นำความสงบสุขกลับมาในชุมชนเหมือนเดิม ซึ่งตนมีแนวคิดว่าจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาให้แก่ประชาชนในชุมชนทำงานร่วมกันผ่านโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนที่ สวช.ดูแลอยู่ทั่วประเทศ

เลขาธิการกวช.กล่าวต่อว่าเหตุผลที่เลือกเดินตามรอยเบื้องยุคลบาทตามโครงการพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากคนไทยมีความจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาก ไม่ว่าความคิดเห็นทางการเมืองจะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายแต่เชื่อว่าหากมีงานบุญ หรืองานเพื่อประโยชน์ของชุมชนชาวบ้านจะมาร่วมมือกันทำ อีกทั้งสังคมไทยเป็นสังคมระบบเครือญาติ ทุกคนในชุมชนจะเป็นเครือญาติกัน พร้อมจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เบื้องต้นจะขอศึกษาโครงการพระราชดำริ หรือพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่าง จากนั้นจะมอบเป็นนโยบายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศนำไปปฏิบัติ เป็นโครงการเร่งด่วน โดยจะเลือกชุมชนต้นแบบ 4 ภาคภาคละ 1 แห่งเพื่อนำร่องการทำงานเพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีแก่ประชาชนในชุมชน โดยเร็วที่สุด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบที่ดีในการทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชนคนไทยทุกคนควรเดินตามเบื้องยุคลบาท ยุติความแตกแยก หันมาจับมือสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยเร็วๆ นี้ดิฉันจะไปขอหารือกับหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริของ พระองค์ อาทิ มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ดร.สุเมธชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ ศ.นพ.ประเวศวะสี ราษฎรอาวุโส ศ.นพ.เกษมวัฒนธรรม องคมนตรี เพื่อขอแนวทางการทำงาน ส่วนเรื่องบประมาณนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งไว้ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม จะพยายามของบประมาณมาดำเนินต่อไป คาดภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะพร้อมลงมือปฏิบัติจริงให้เห็นเป็นรูปธรรมพร้อมกัน ทั่วประเทศ เลขาธิการ กวช.กล่าว

No comments: