Wednesday, April 1, 2009

"อภิสิทธิ์"ส่งสารฉลองครบรอบ117ปีศธ.

ศธ.ฉลองวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 117 ปี นายกฯ ส่งสารอวยพรผู้บริหารและข้าราชการศธ. ชูการศึกษาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ความรู้คู่คุณธรรม ขณะที่”จุรินทร์” ประกาศมั่นใจผลักดันการศึกษาไทยก้าวหน้า ท่ามกลางอุณภูมิทางการเมืองที่ร้อนระอุ มั่นใจรัฐบาลจะสามารถนำประเทศฝ่าวิกฤติได้รอดพ้นแน่

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2552 เวลา 07.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ ผู้บริหารระดับสูง พร้อมด้วยข้าราชการ สมาชิกชมรมข้าราชการและครูอาวุโสของกระทรวงศึกษาฯ และผู้มีเกียรติได้ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 118 รูป เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ครบรอบ 117 ปี ในวันที่ 1 เมษายน

หลังจากร่วมกันตักบาตร สักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวงฯ สักการะพระภูมิ และถวายพานประดับพุ่มดอกไม้ และถวายเครื่องสังเวยพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่หน้าสนามหญ้าหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์แล้ว นายจุรินทร์ พร้อมด้วยผู้บริหาร ศธ. ได้เป็นประธานในพิธีถวายภัตตาหารเพลนและจตุปจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ที่หอประชุมคุรุสภา และเป็นประธานในพิธีมอบเข็ม “เสมาคุณูปการ” และประกาศเกียรติคุณบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ศธ. จำนวน 82 ราย

นายจุรินทร์ ได้อ่านสารที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาฯทุกคน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา ศธ.ครบ รอบ 117 ปี โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า กระทรวงศึกษาฯ เป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความรู้ควบคู่คุณธรรมและจริยธรรมอันดีงาม เป็นพลเมืองดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ ด้วยการปฏิรูปการศึกษา ให้มีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยความยืดหยุ่น และมีการพัฒนาตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมและสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย 2540 ที่มุ่งพัฒนาคนบนพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ ที่เชื่อมโยงสถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษาเข้าด้วยกันบนบรรทัดฐานของความเท่าเทียมและเสมอภาคกันใน การเข้ารับการศึกษาของคนไทยทุกคน

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศธ. จะเป็นกำลังสำคัญของภาครัฐต่อไป ในการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะที่จะช่วยหล่อหลอมเด็กเยาวชนไทย ทุกคนให้เป็นผู้ที่จักคิดวิเคราะห์ ริเริ่มสร้างสรรค์ รักการอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับ ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง”

นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงศึกษาได้สถาปนามาครบ 117 ปีแล้ว การศึกษาไทยพัฒนาไปมากแล้ว ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชการที่ 6) ทรงสถาปนากระทรวงฯขึ้นมาได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ถือว่าเป็นครั้งแรกของ ประเทศไทย จนกระทั้งปี 2542 สมัยทีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการปฏิรูปการศึกษาครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง และในปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่จะมีการปฏิรูปการศึกษารอบสอง และกำลังจะได้ข้อสรุปในสิ้นเดือนเมษายน นี้ ซึ่งตนเห็นว่าการศึกษาของประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มีความเจริญก้าวหน้า และมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับและแซงหน้าไปหลายประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับความจริงว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อ ไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษใหม่ที่กำลังจะดำเนินการในปีการศึกษานี้ นั้น จะต้องมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยจะต้องวัดผลสัมฤทธิ์ที่ตัวผู้เรียนเป็นสำคัญ รวมทั้งมุ่งเน้นที่ครูเป็นหัวใจด้วย เพราะหากครูมีคุณภาพก็จะอนุมานได้ว่าโอกาสที่เด็กและการศึกษาทั้งระบบก็จะ สัมฤทธิผลได้มากด้วย นอกจากนี้จะต้องมีกลไกเครื่องไม้เครื่องมือเข้ามาช่วยเติม เช่น การนำเทคโนโลยีทางการศึกษา กฏเกณฑ์ ระเบียบ การบริหารจัดการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“ผมมั่นใจว่าภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่าย เพื่อนข้าราชการ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกระทรวงฯ จะช่วยผลักดันให้การศึกษาของเราเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆขึ้นไป และผมเองก็ตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด และทำให้เต็มที่ และผมมั่นใจว่าถ้ามีเวลาทำงานสักระยะหนึ่ง การศึกษาบ้านเราจะก้าวหน้าไปไกลทีเดียว และจะเริ่มต้น และดำเนินการอะไรที่ดี ๆไว้ให้วงการศึกษาได้เยอะทีเดียว นี้คือสิ่งที่อยากพูดให้มีความชัดเจนและเกิดความมั่นใจกับผู้ทีเกี่ยวข้อง” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า จากที่ตนได้มาดูแลงานในกระทรวงศึกษาฯ ประมาณ 3 เดือน ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนระอุ แต่คิดว่าได้ดำเนินการทางการศึกษาได้ก้าวหน้าไปหลายเรื่องแล้ว ทั้งนี้ เป็นเพราะนโยบายรัฐบาลชัดเจน และนโยบายที่ตนกำหนดไว้ก็ชัดเจน รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากเพื่อนข้าราชการของกระทรวงศึกษาและผู้ที่เกี่ยง ข้องอย่างดี จึงต้องเดินหน้าทำงานต่อไป

“เป้าหมายไกลที่สุดก็คือคุณภาพการศึกษา นี้คือเบอร์หนึ่ง และเป็นที่เข้าใจร่วมกัน และผมเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ขอเวลาเท่านั้นเอง ถ้ามีเวลาได้ทำผมคิดว่าทุกอย่างจะไปได้ดี และก้าวหน้าขึ้นมากด้วย ที่สำคัญจะเป็นรูปธรรมไม่ใช่ลอยอยู่ในอากาศ หรือแค่อยู่ในความฝัน ส่วนที่มีคนมองว่าขณะนี้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่แน่นอนนั้น ผมก็คิดนั้นเป็นประเด็นในทางการเมืองซึ่งความจริงก็มีความเกี่ยวพันกัน เพราะผมก็เป็นหนึ่งในรัฐบาลนี้ แต่ถ้าประชาชนให้โอกาสให้เราได้ทำงาน ให้รัฐบาลทำงาน ผมคิดว่าสิ่งดี ๆหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ไม่เฉพาะด้านการศึกษาที่ผมทำอยู่ แต่ทุกเรื่องที่รัฐบาลสัญญาไว้กับประชาชนตอนนี้เริ่มปรากฏแล้ว เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เบี้ยตอบแทน อสม. เงินเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เช็คช่วยชาติ 2 พันบาท รวมทั้งเรื่องอื่น ๆอีกหลายเรื่อง และเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผมมั่นใจว่าจะมีความคืบหน้าและมีความก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น แล้วผมก็มั่นใจว่าภายใต้สถานการณ์โลกที่มีปัญหาทางระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยจะสามารถนำพาประเทศไปรอดแน่นอน ขอเพียงอย่างเดียวคือขอให้ประชาชนให้โอกาสให้เวลารัฐบาลทำงานสิ่งต่าง ๆก็จะปรากฏเป็นรูปธรรม” นายจุรินทร์ กล่าว

No comments: