Tuesday, April 7, 2009

สอบโอเน็ต3ระดับ คะแนนเฉลี่ยไม่ถึงครึ่ง จี้โรงเรียนสอนเด็กให้คิด

ผลโอเนตประกาศแล้ว ก่อนกำหนด ผอ.สทศ. ยัน ไร้ปัญหาติดขัดวันแรกเด็กแห่มาตรวจในเว็บไซต์กว่า 1.2 แสนราย ไม่มีปัญหาเนตล่ม ระบุผลสอบเด็ก 3 ระดับ ต่ำกว่าเกณฑ์มาก จี้โรงเรียนควรสอนให้เด็กคิดมากกว่าจำ หวั่นกระทบต่อการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย เผยเปิดให้ขอดูใบคำตอบถึง 9 เม.ย.นี้ เสียรายวิชาละ 20 บาท คาดนัดดูได้ 9-11 เม.ย.นี้ ด้านกลุ่มคณะแพทย์ฯ ประกาศเด็กผ่านเกณฑ์คะแนนต่ำสูง 1,491 คน จากทั้งหมด 2.2 หมื่นราย แนะควรตรวจคะแนน-รายชื่อเอง พร้อมรายงานตัวตามกำหนด ส่วนเด็กคะแนนท็อป 79.1% เลือกเรียนที่แพทย์จุฬาฯ เผยเคล็ดลับเรียนดีแบ่งเวลาให้เป็น ทำในสิ่งที่ชอบอย่างตั้งใจและมีความสุข

ตามที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้กำหนดจะประกาศผล การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ของนักเรียน ม.6 เร็วกว่ากำหนดจากวันที่ 10 เม.ย. เป็นวันที่ 6 เม.ย.นี้ ตั้ง แต่เวลา 20.00 น. นั้น เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สทศ. เปิดเผยว่า สทศ. ได้ส่งผลคะแนนให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักเรียนสามารถตรวจผลคะแนนได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และจากการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ช่วง 18.00-24.00 น. ของวันที่ 5 เม.ย. พบว่ามีนักเรียนเข้ามาดูผลสอบถึงกว่า 120,000 คน โดยไม่มีปัญหาเว็บไซต์ล่มแต่อย่างใด

“มั่นใจว่าการประกาศผลสอบโอเน็ตครั้งนี้จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สำหรับนักเรียนคนใดที่ต้องการขอดูกระดาษคำตอบสามารถ ยื่นคำร้อง ได้วันที่ 7-9 เม.ย.นี้ ที่ สทศ. ทั้งนี้ นักเรียนจะต้องดาวน์โหลดใบคำร้องจากเว็บไซต์ของ สทศ. และนำมายื่นด้วยตนเองพร้อมบัตรประจำตัวสอบและสำเนาบัตรประชาชน รวมทั้งเสียค่าธรรมเนียมวิชาละ 20 บาท จากนั้นจะนัดให้มาดูกระดาษคำตอบวันที่ 9-11 เม.ย.นี้ หรือสอบถามที่หมายเลข 0-2975-5599” ศ.ดร. อุทุมพร กล่าว

ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวต่อว่า สทศ. ได้ประกาศผลสอบโอเน็ตครบทั้ง 3 ระดับแล้ว ได้แก่ ป.6 ม.3 และ ม.6 ซึ่งจากการวิเคราะห์ ผลการสอบของนักเรียนทั้ง 3 ระดับ พบว่าทำคะแนนเฉลี่ยได้ไม่ถึงครึ่ง ทั้งที่ข้อสอบโอเน็ตเป็นข้อสอบที่ง่าย สะท้อนให้เห็นว่าโรงเรียนยังสอนเด็กให้ท่องจำ ไม่ได้สอนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องปรับปรุงการเรียนการสอนกันใหม่ โดยเฉพาะนักเรียน ม.6 ที่ทำคะแนนเฉลี่ยทุกวิชาอยู่ที่ร้อยละ 30-40 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก

ศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบคัดเลือกผู้เข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและ หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2552 หรือ ระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) กล่าวว่า กสพท. ได้ประกาศผล ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งปีนี้มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้น 1,491 คน จากผู้สมัคร 22,000 คน ซึ่งผู้สมัครควรตรวจสอบรายชื่อด้วยตนเอง เพราะแต่ละสถาบันจะกำหนดวันเวลาสอบสัมภาษณ์ไว้ที่ เว็บไซต์ ซึ่งหากไม่ไปรายงานตัวจะถือว่าสละสิทธิ โดยคาดว่าในวันที่ 7 เม.ย.นี้ มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งจะเรียกสอบสัมภาษณ์

ศ.พญ.บุญมี กล่าวต่อว่า นักเรียนที่ ได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 ของ กสพท. คือ นายสิทธิ์ อัศววรฤทธิ์ นักเรียนจาก รร.เตรียมอุดม ศึกษา ได้คะแนน 79.1271 จาก 100 คะแนน เต็ม ซึ่งเลือกเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ แต่เมื่อเทียบคะแนนกับปีที่ผ่านมาก็ยังต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ส่วนคะแนนในภาพรวมทั้งหมดยังถือว่าไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคะแนน สูงสุด-ต่ำสุดของ กสพท. ปีการศึกษา 2552 ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น คะแนนสูงสุด 59.241 คะแนนต่ำสุด 55.3832, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สูงสุด 79.1271 ต่ำสุด 63.7365, คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ สูงสุด 63.5977 ต่ำสุด 56.6813, คณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สูงสุด 60.3714 ต่ำสุด 56.2991, คณะแพทยศาสตร์ ม.นเรศวร สูงสุด 56.3704 ต่ำสุด 54.4771, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล สูงสุด 70.3279 ต่ำสุด 59.9980

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล สูงสุด 75.4859 ต่ำสุด 61.1929, คณะแพทยศาสตร์ ม.รังสิต สูงสุด 56.1792 ต่ำสุด 52.7669, คณะแพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ สูงสุด 63.1458 ต่ำสุด 56.1257, คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ สูงสุด 59.6190 ต่ำสุด 54.9986, วิทยาลัยแพทยศาสตร์วชิร พยาบาล สูงสุด 60.8438 ต่ำสุด 58.1810, วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (ชาย) สูงสุด 63.0155 ต่ำสุด 54.7018, วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (หญิง) สูงสุด 60.6632 ต่ำสุด 55.3927

คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาฯ สูงสุด 68.6273 ต่ำสุด 59.8508, คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล สูงสุด 63.2952 ต่ำสุด 56.8508, คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ สูงสุด 60.5951 ต่ำสุด 54.3651, คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ สูงสุด 56.2021 ต่ำสุด 53.4624 และคณะทันตแพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ สูงสุด 59.5356 ต่ำสุด 55.7769

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายสิทธิ อัศววรฤทธิ์ อายุ 17 ปี ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด ที่บ้านพักในหมู่บ้านกิ่งเพชร แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี โดยนายสิทธิ ได้รออยู่กับทญ.สุจินดา อัศววรฤทธิ์ อายุ 50 ปี มารดา พร้อมพี่ชาย และน้องชาย โดยนายสิทธิ กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า รู้สึกดีใจที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ตั้งเป้าไว้เพียงแต่ทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ตั้งใจ มาตั้งแต่ ม.4 และอ่านหนังสือหนักในช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนสอบ โดยเฉพาะวิชาสังคมและภาษาไทยซึ่งไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก

“สำหรับเคล็ดลับการเรียนเน้นที่การแบ่งเวลาให้เป็น คือในห้องเรียนตั้งใจเรียน หลังจากเลิกเรียนจะเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ ทำการ บ้าน และออกกำลังกายกับเพื่อน ๆ เหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป และกลับบ้านทบทวนวิชาที่ได้เรียนมา 1 ชั่วโมง สำหรับการอ่านหนังสือยอมรับว่าก่อนหน้านี้ชอบอ่านนวนิยายมากกว่า โดยเฉพาะแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่เมื่อต้องมาอ่านหนังสือเรียนก็จะจับความรู้สึกเวลาที่อ่านนวนิยายมาใช้ ซึ่งตรงกับหลักประจำใจคือ ทำอะไรแล้วต้องมีความสุขและตั้งใจเต็มที่ สำหรับผมตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าในอนาคตจะทำอะไรอย่างไรแต่จะตั้งใจทำใน สิ่งที่เลือก และมีความสุขในสิ่งที่ทำ เพราะแพทย์เป็นอาชีพที่ดี มีความมั่นคงในอนาคต แต่ตอนนี้ขอคิดเรื่องไปเที่ยวสงกรานต์เพื่อพักผ่อนก่อน” นายสิทธิ กล่าว

ทญ.สุจินดา มารดาของนายสิทธิ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ลูกได้คะแนนเป็นอันดับ 1 เพราะรุ่นก่อน ๆ คะแนนจะสูงกว่านี้ แต่ทราบมาว่าข้อสอบปีนี้ยาก แม้ลูกจะได้ที่ 1 ก็จะเตือนลูกเสมอว่า อย่าไปยึดติดคราวนี้ได้ คราวหน้าอาจไม่ได้ การผิดหวังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อย่างที่เคยไม่สามารถสอบเข้าสาธิตปทุมวันได้และเคยตกรอบแข่งขันคณิตศาสตร์ ระดับประถมที่ฮ่องกง ซึ่งพ่อจะปลอบใจลูกและให้แง่คิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสมอ สำหรับการดูแลลูก จะสอนว่าทำอะไรก็ได้ที่ดี มองอนาคตว่ามีความมั่นคง เลี้ยงตัวเอง รวมถึงครอบครัวได้ และมีความสุขด้วย สำหรับลูกชายทั้งสามคนเราไม่เคยนำใครมาเปรียบเทียบใคร เน้นเลี้ยงดูใกล้ชิด ซึ่งเมื่อตนคลอดลูกคนที่ 2 ได้ตัดสินใจลาออกจากอาชีพมาเลี้ยงลูกและก็มีความสุขดีกับสิ่งที่เราเลือก.

No comments: