Wednesday, March 18, 2009

เชื่อ19มี.ค.เงินเรียนฟรีถึงมือเด็ก98%

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจการจัดซื้อหนังสือเรียนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพไปยัง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แล้ว และได้กำชับว่าจะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและโปร่งใส

ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ. กล่าวว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ จะเป็นประธานกดปุ่มโอนงบประมาณโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพให้แก่สถานศึกษาทั่วประเทศ ที่โรงเรียนศรีอยุธยา คาดว่า ในวันที่ 19 มี.ค.โรงเรียนประมาณ 98% จะได้รับเงินครบถ้วน จากนั้นทางโรงเรียนจะต้องดำเนินการมอบเงินให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง เพื่อไปจัดซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนต่อไป โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับเงิน ทั้งนี้ในส่วนของโรงเรียนในกรุงเทพฯ นั้น เบื้องต้นทราบว่าส่วนใหญ่จะนัดหมายนักเรียน และผู้ปกครอง มารับเงินในวันที่ 20 มี.ค.นี้

ด้าน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผอ.สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า การจัดซื้อหนังสือเรียนของโรงเรียนเอกชนจะต้องดำเนินการเช่นเดียวกับ โรงเรียนของรัฐ ที่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่าย และให้คณะกรรมการอำนวยการหรือคณะกรรมการบริหารของโรงเรียนมีส่วนร่วมในการ คัดเลือกหนังสือด้วย โดยสามารถซื้อจากสำนักพิมพ์ใดก็ได้แต่ต้องเป็นหนังสือตามบัญชีรายชื่อที่ ผ่านการตรวจอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ

ผอ.สช.กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องชุดนักเรียนนั้นให้ทางโรงเรียนจ่ายเงินให้ผู้ปกครองไปตัดสินใจ เลือกซื้อเอง แม้โรงเรียนจะมีชุดนักเรียนของโรงเรียนจำหน่ายอยู่แล้วก็ตาม โดยจะเริ่มจ่ายเงินให้แก่ผู้ปกครองได้ในวันที่ 19 มี.ค.นี้เป็นต้นไป แต่คงต้องทยอยดำเนินการเพราะอยู่ระหว่างปิดภาคเรียน ทั้งนี้ได้มีการกำชับว่าทุกรายการต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาค เรียนในเดือนพฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ตามได้เปิดโอกาสให้โรงเรียนเอกชนที่อยู่ในโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพสามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองได้ อาทิ กรณีการจัดซื้อหนังสือเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากวงเงินที่ได้รับ หรือการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ โดยไม่ได้กำหนดเพดาน ส่วนเรื่องการสละสิทธิ์นั้น สช.ตั้งเป้าที่จะรณรงค์ให้มีผู้สละสิทธิ์ 2-3% ของนักเรียนเอกชนทั้งหมด แต่ขณะนี้มีผู้สละสิทธิ์ไม่ถึง 1%.

No comments: