Tuesday, October 26, 2010

เล็งชงออกบัตรทองการศึกษาอุ้มนร.ยากจนเป็นพิเศษดันเรียนจนจบ

อนุกรรมการเพิ่มโอกาสการศึกษาในบอร์ด กนป.เล็งเสนอออก "บัตรทองการศึกษา" อุ้มเด็กยากจนมากเป็นพิเศษเรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชี้ความช่วยเหลือเรียนฟรี 15 ปีไม่พอ เด็กจ่ายไม่ไหวต้องออกกลางคัน

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้ของคนไทย ในกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (กนป.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดเผยว่า คณะทำงานของคณะอนุกรรมการเตรียมเสนอคณะกรรมการ กนป.ให้ประกาศนโยบายช่วยเหลือเป็นพิเศษแก่เด็กที่มาจากครอบครัวยากจนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสเรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีได้จริง

คุณหญิงกษมา กล่าวอีกว่า แม้รัฐบาลจะประกาศนโยบายเรียนฟรี 12 ปี พร้อมจัดงบกว่าปีละ 7 หมื่นล้านบาทเป็นค่าเทอม ค่าตำราเรียน ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีโครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียนฟรีให้นักเรียน แต่ยังมีเด็กอีกจำนวนมากไม่สามารถมาเรียนได้ต้องออกกลางคัน เพราะมีจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะค่าเดินทาง ค่าอาหารเช้า ซึ่งเด็กยากจนมากไม่มีเงินมาจ่ายส่วนนี้ จะต้องเพิ่มความช่วยเหลือแก่เด็กกลุ่มนี้เป็นพิเศษ ซึ่งในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น รัฐจะดูแลให้เด็กยากจน 4% ของเด็กทั้งหมดได้เรียน

"คณะทำงานของอนุกรรมการกำลังศึกษารายะละเอียดว่าต้องเพิ่มความช่วยเหลือด้านใดอีกบ้างและใช้งบเท่าใด ขณะนี้มีโครงการอุ้มเด็กตกหล่นกลับเข้าสู่ห้องเรียนนำร่องใน 4 จังหวัด ที่นครสวรรค์ อุดรธานี นครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ คณะทำงานเสนอว่าเงินช่วยเหลือพิเศษแก่เด็กยากมากนี้ ควรจะเป็นเงินที่ตามตัวเด็กไม่ใช่เงินที่จ่ายไปตามสถานศึกษา มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาเพราะสถานศึกษาหวังได้งบขึ้นมาได้จะต้องคิดเกณฑ์ว่าเด็กกลุ่มนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขใด อาจใช้กำหนดว่าครอบครัวเด็กมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนของสภาพัฒน์ซึ่งกำหนดไว้ที่รายได้ครอบครัวไม่เกิน 4 หมื่นบาทต่อปี หรืออาจใช้เกณฑ์อื่นซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป" คุณหญิงกษมา กล่าว

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า อนุกรรมการเคยเสนอใน กนป.ให้มีลักษณะบัตรทองด้านการศึกษา เด็กที่ยากจนมากสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเสียเงินเหมือนเวลาพกบัตรทองไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ หากมีบัตรทองด้านการศึกษา เด็กเลือกเข้าเรียนที่ใดก็ได้ สถานศึกษาต้องดูแลให้เด็กได้ตามสิทธิ์ ขณะนี้ สพฐ.กำลังสำรวจจำนวนนักเรียนยากจนมาก

No comments: