Tuesday, October 26, 2010

ศธ.ปรับซื้อคอมฯ ใช้จ้างเหมาสถาบันการศึกษา

ยันมติ ครม.ปรับรูปแบบซื้อคอมฯอาชีวะ ไฟเขียวจ้างเหมาสถาบันการศึกษา พร้อมตั้ง กก.ภายนอกตรวจรับงาน

น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการจัดซื้อครุภัณฑ์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้วิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งเป็นงบประมาณในโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2 ซึ่งนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ใช้งบประมาณ แต่ไม่ได้ระบุให้มีการว่าจ้างจัด ซื้อจัดจ้างด้วยวิธีกรณีพิเศษว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ได้พิจารณาอนุมัติตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามหนังสือด่วนที่สุดของกระทรวงการคลัง ที่ กค 0907/17887 ซึ่งลงนามโดยนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เสนอ โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณให้ สอศ. ดำเนินการตามโครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ความรู้วิชาชีพด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ จำนวน 1,331.90 ล้านบาท

รมช.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองมีข้อสังเกตเพิ่มเติม โดยระบุให้ สอศ.ซึ่งได้ปรับรูปแบบการดำเนินการเป็นการจ้างเหมาให้สถาบันการศึกษาซึ่งเป็นหน่วยราชการดำเนินการทั้งในส่วนของการจัดหาอุปกรณ์เพื่อพัฒนาระบบเครือข่ายและเป็นผู้จัดทำเนื้อหาวิชาการ เพื่อใช้ สนับสนุนการเรียนการสอน โดยเห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งรวมถึงองค์กรด้านวิชาการและสถาบันการศึกษาอื่น เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบการดำเนินการทั้งในส่วนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจรับงานให้มีความโปร่งใสและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายโครงการภายใต้ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งตามที่สำนักงบประมาณกำหนด โดยให้ส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน หลัง ครม.อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ

น.ส.นริศรากล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สอศ.ได้เร่งดำเนินการตามมติ ครม.ด้วยการพิจารณาจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยวิธีกรณีพิเศษ พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภายนอก อาทิ ศูนย์ เทคโนโลยีอิเลกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เข้าร่วมเป็นกรรมการตามข้อสังเกตดังกล่าวแล้ว.

No comments: