Friday, August 27, 2010

พม.เผยแม่วัยใส ที่มีการศึกษา มุ่งทำแท้งมากสุด

"อิสสระ" เผยผลสำรวจ พม.ทำอึ้งระบุ “แม่วัยเยาว์” เกือบ 20% คิดฆ่าตัวตาย ขณะที่เด็กปวช.ท้องไม่พร้อมแล้วคิดมุ่งทำแท้ง โดยนิยมเลือกกินยาขับมากที่สุด...

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า พม.ได้มอบหมายให้นักวิจัยศึกษาสำรวจสภาพปัญหาการตั้งครรภ์ของเด็กและเยาวชน ก่อนวัยอันควร ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขี้นประมาณปีละ 3.5% ที่น่าห่วงคือการแก้ปัญหาของเยาวชนบางส่วนพยายามเอาเด็กออกด้วยการทำแท้งเถื่อน การขับออกด้วยการทานยาหรือผลักตกจากที่สูง เอาท้องชนเสาเลียนแบบจากหนัง หากไม่สมหวังก็ส่งผลต่อเด็กที่ออกมาพิการ

ทั้งนี้ พม.จะขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนให้มีเจ้าภาพร่วม ทำหน้าที่ดูแลแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ภายใต้ยุทธศาสตร์กัน-แก้ แม่วัยเยาว์ โดยกำหนดลดจำนวนคลอดของแม่อายุน้อยกว่า 18 ปีลงร้อยละ 50 ในปี 2560 พ่อแม่วัยเยาว์ต้องได้รับการพัฒนาให้มีรายได้เลี้ยงตนเองได้ บุตรแม่วัยเยาว์ได้รับการดูแลตามมาตรฐานสุขภาวะเด็กปกติ รวมทั้งเฝ้าระวังและคุ้มครองเด็กที่เกิดจากแม่วัยเยาว์เป็นกรณีพิเศษ

นายสังคม คุณคณากรสกุล จากมหาวิทยาลัยรังสิต สรุปข้อมูลโครงการสำรวจสภาพปัญหาเพื่อพัฒนาระบบการช่วยเหลือแม่วัยเยาว์ โดยการสนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม.ว่า เป็นการศึกษาปี 2552 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นสตรีอายุไม่เกิน 18 ปีที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ที่คลอดบุตรแล้ว 823 คนซึ่งเรียกว่า “แม่วัยเยาว์” และผู้เกี่ยวข้องได้แก่บุคคลในครอบครัว สามี ครู ญาติ เป็นต้น อีก 822 คน

ผลสำรวจพบว่าแม่วัยเยาว์ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 37.9 ประถมศึกษาร้อยละ 11.8 และไม่ได้เรียนหนังสือร้อยละ 3.4 ส่วนใหญ่ร้อยละ 40.6 ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในการหารายได้เลี้ยงชีพ สภาพสมรสพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้แต่งงานแต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันร้อยละ 38แยกกับสามีร้อยละ 14.0 ร้อยละ 40 ต้องโดดเดี่ยวเพราะพ่อบุตรไม่รับผิดชอบ ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงพบร้อยละ 12.4 ที่พัวพันกับการเสพยาเสพติด โดยสภาพแวดล้อมพบว่ามีคนรอบข้างที่พัวพันกับยาเสพติดร้อยละ 66.2 และร้อยละ 27.3 หรือ 3 ใน 10 คนมีคนรอบข้างกระทำการค้าประเวณี นอกจากนี้ร้อยละ 18.6 มีความคิดฆ่าตัวตาย ร้อยละ 16.8 มีพฤติกรรมมุ่งหวังให้เกิดการแท้งบุตร ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่กำลังศึกษาระดับปวช.มากสุดร้อยละ 24.2 ตรงข้ามกับกลุ่มไม่มีการศึกษาไม่เคยคิดทำแท้ง โดยรูปแบบจะเลือกวิธีการกินยามากที่สุด การค้นหาสถานที่ทำแท้ง ทุบตีกระแทกร่างกายตามลำดับ

นายสังคม กล่าวด้วยว่า สาเหตุปัญหาพบมากสุดคือ เด็กขาดการยับยั้งชั่งใจ รองลงมาคือ สภาพสังคมเปลี่ยนไป อิทธิพลของสื่อลามก/อนาจาร เด็กมีพฤติกรรมเลียนแบบดารา/ละคร/ภาพยนต์ และถูกล่วงละเมิดทางเพศตามลำดับ ส่วนความต้องการรับความช่วยเหลือพบว่า ต้องการค่าใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัว นมในการเลี้ยงบุตร บริการจัดหางาน ฝึกอาชีพ การกู้ยืมเงิน

No comments: