Thursday, December 25, 2008

'จุรินทร์'ย้ำจัดเรียนฟรี 15 ปี-ปฏิรูปรอบสอง

เมื่อ เวลา 08.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และน.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศธ. ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยข้าราชการรอรับอย่างคับคั่ง โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนมาทำความรู้จัก และมอบแนวทางการทำงานร่วมกัน แต่ยังไม่มอบนโยบาย จนกว่ารัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนี้ในส่วนของ ศธ.จะเน้นพิเศษ อาทิ เรียนฟรี 15 ปี ตั้งแต่อนุบาล-ม.ปลาย ที่ต้องแปลงเป็นแผนปฏิบัติ เพราะมีเงื่อนเวลาบังคับไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นระยะเวลาเตรียมการ เพื่อเริ่มปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในปีการศึกษา 2552 ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีปัญหาตามมา แต่ก็จะพยายามให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตนจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษารอบสองเป็นพิเศษ โดยจะดำเนินการอย่างจริงจัง และเติมเต็มการศึกษาทั้งระบบให้ครบวงจร เพราะที่ผ่านมาจะเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา แต่ละเลยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งไม่ได้ถือว่าผิด แต่ควรเติมเต็มให้มีความเข้มข้นเท่ากัน ที่สำคัญการจัดการศึกษาจะต้องทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ และในการผลิตนักศึกษาต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาเราผลิตนักศึกษาไปตกงาน ถือเป็นความสูญเปล่าทางการศึกษา ดังนั้นจะต้องมีการทบทวนขนานใหญ่

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ศธ.เป็นกระทรวงหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะประเด็นเรียนฟรี เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในปีแรก ส่วนการจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพานั้น รมว.ศธ.จะทบทวนในรายละเอียด

น.ส.นริศรา กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจเพราะเป็นอาจารย์มาก่อน มีความรู้ทางด้านการสอน และเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ซึ่งไอทีมีความสำคัญในการจัดการเรียนการสอน โดยปัจจุบันเด็กก็เก่งในเรื่องของไอทีแต่เก่งไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค ดังนั้นจะต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นแบบการสื่อสารทางเดียว (One Way) ก็จะทำให้เป็นการศึกษาสองทาง (Two Way)

วันเดียวกันเมื่อเวลา 09.59 น. ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายธีระ สลักเพชร รมว.วธ. ได้เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยมีผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ จากนั้นได้ขึ้นไปยังห้องทำงานชั้น 23 และกล่าวกับข้าราชการว่า สิ่งที่ตนจะต้องเร่งฟื้นฟูมี 4 ข้อหลัก ได้แก่ 1.เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.การสร้างความปรองดองกลับมาให้ได้ 3.ฟื้นฟู เศรษฐกิจ และ 4.พัฒนาการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยใช้วัฒนธรรมเป็นฐานหลัก ซึ่งสิ่งสำคัญที่วธ.จะต้องดำเนินการควบคู่ก็คือ การใช้มิติทางวัฒนธรรมกู้ภาพลักษณ์ประเทศ แก้ปัญหาเด็กและเยาวชน ติดมือถือ ติดเกม มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จะต้องมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นตั้งแต่ระดับท้องถิ่น และต้องร่วมมือกับภาคประชาชน สภาวัฒนธรรมทุกระดับ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

นายธีระ กล่าวต่อไปว่า ตนจะสานต่อโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนให้มีครบทุกอำเภอ โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรมีทุกตำบล เพราะโครงการดังกล่าวจะเป็นการ ดึงบ้าน วัด และโรงเรียน กลับมามีบทบาทในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดตั้งวัฒนธรรมอำเภอให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ตนจะผลักดันให้วธ.ได้รับงบประมาณมากขึ้นจาก 5,000 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาทด้วย เพราะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะรักษาวัฒนธรรม ของชาติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสในครั้งที่คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ถ้าความเป็นไทยเราสูญ ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ตนจึงจะยึดแนวพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการทำงานของกระทรวงในการรักษาความ เป็นไทย.

ข้อมูลจาก www.dailynews.co.th

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ