Monday, July 5, 2010

ด็กไทยออกจาก ร.ร.กลางคันปีละ 9 แสน

มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เผยผลการศึกษา ยกสาเหตุ เช่น ครอบครัวยากจน ไร้สัญชาติ ไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่าย ทนรับสภาพความกดดันจากระบบการเรียนการสอนไม่ไหว...

นายยุทธชัย เฉลิมชัย นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เปิดเผยผลการศึกษาการใช้เวลาในห้องเรียนของเด็กไทยกับประเทศอื่นๆ ว่า เด็กไทยเป็นชาติที่เด็กถูกบังคับให้เรียนในห้องเรียน โดยใช้ชั่วโมงเรียนในแต่ละวันมากที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับเด็กจีนที่มีความเครียดสูง ด้วยประชากรที่เยอะ การแข่งขันจึงมีสูง ก็ยังใช้เวลาเรียนในห้องเรียนในแต่ละวันน้อยกว่าเด็กไทย โดยปัจจุบันมีเด็กนักเรียนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกจากสถานศึกษากลางคันประมาณปีละ 9 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ด้วยสาเหตุที่ต่างกัน เช่น ครอบครัวยากจน ไร้สัญชาติ ไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่าย ทนรับสภาพความกดดันจากระบบการเรียนการสอนที่เน้นการแข่งขันกันเป็นเลิศทางวิชาการไม่ไหว

นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติกล่าวว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในเมืองและชนบทมีความทุกข์จากระบบการศึกษาไม่ ต่างกัน คือใช้เวลาเรียนในห้องเรียนมาก แถมต้องเรียนกวดวิชาตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนเกิดความเครียดและเบื่อหน่าย ซึ่งการเปลี่ยนระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มาเป็นแบบแอดมิชชั่น ส่งผลให้เด็กวิ่งเข้าหาโรงเรียนกวดวิชามากขึ้น รวมถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นให้เด็กต้องเก่งวิชามาตรฐาน ทำให้ครูต้องสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ด้วยภาษาอังกฤษ โดยให้ขยายผลให้ได้ 2,500 โรงเรียนในปีการศึกษาหน้า ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าครู จะสอนกับผู้เรียนจะรับไหวหรือไม่ อาจจะยิ่งเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับเด็กมากกว่าเดิม

"ผมคิดว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยอยากลุกขึ้นตะโกนบอกว่า อึดอัด ทุกข์จากความเครียดกับระบบการศึกษามากเพียงใด เปรียบเทียบกับเด็กนักเรียนในจีน ยังมีเวลาว่างให้ผ่อนคลายจากการเรียนในแต่ละวัน ดูได้จากตารางเรียนที่เน้นเรียนวิชาการในตอนเช้าและพักกลางวันเวลา 11 โมง จากนั้นโรงเรียนจะให้เด็กออกนอกโรงเรียน กลับไปกินข้าวที่บ้าน หรือไปพักผ่อน ถึงบ่าย 2 ค่อยกลับมาเรียนใหม่" นายยุทธชัยกล่าวและว่า ระบบการศึกษาไทย อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนใหม่ ลดจำนวนชั่วโมงเรียนในห้องเรียนลง เพิ่มการเรียนการสอนที่ใช้ทักษะมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้เรียน ยกเลิกการเรียนการสอนด้วยวิธีบังคับควบคุม เพราะจะทำให้เด็กขาดความมั่นใจ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าแสดงออก ถึงเวลาแล้วที่การศึกษาไทยจำเป็นต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลงเพื่อหนีออกจากความล้มเหลวในปัจจุบัน.

No comments: