Monday, February 2, 2009

นายกฯ ติงคนไทยคิดไม่เป็นวิทยาศาสตร์

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “118 ปี ศาลาแยกธาตุ-กรมวิทยาศาสตร์บริการ” ระหว่างวันที่ 29-31 ม.ค.นี้ว่า ตนได้หารือกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วท. เกี่ยวกับบทบาทของวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งพบว่ามี 4 ประการ ที่รัฐบาลจะต้องเร่งผลักดันโดยด่วน

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ประการแรก คือ สนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่กระบวนการการศึกษา ทั้งในโรงเรียน การอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนใน ครอบครัว ผ่านสื่อสารมวลชนต่างๆ เพื่อให้คนในชาติมีฐานความคิดที่เป็นเหตุและผล เนื่องจากต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาแม้จะมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด แต่ฐานความคิดของสังคมยังขาดการอ้างอิงหลักการใช้วิทยาศาสตร์ อยู่มาก ประการที่ 2 ต้องมีการส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ เพราะที่ผ่านมาจะเน้นการผลักดันการศึกษาที่มุ่งไปในเรื่องการขยายโอกาส ขณะที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับเคลื่อนเรื่องนวัตกรรม การคิดค้น จำเป็นต้องมีการส่งเสริมกลุ่มคนที่มีความสามารถเป็นพิเศษ ซึ่งหมายถึงการสร้างโอกาสที่เป็นโอกาสเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีขีดความ สามารถด้านนี้โดยตรง

“เคยมีโอกาสได้ผลักดันเรื่องโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งเป็นการเสาะแสวงหาคนเก่งตั้งแต่วัยเยาว์และให้โอกาสพิเศษ ในการพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่สิ่งนี้ต้องได้รับการสานต่อด้วยการสร้างแรงจูงใจให้กับสังคมว่าบุคลากร ที่มีความสามารถเหล่านี้จะตัดสินใจใช้ชีวิตทุ่มเทในเรื่องของการวิจัย และพัฒนาวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ซึ่งต้องยอมรับว่าโครงสร้างหลายอย่างในปัจจุบัน ยังไม่เอื้อให้คนที่เก่งที่สุดกล้าที่จะตัดสินใจประกอบวิชาชีพด้าน วิทยาศาสตร์เท่าไรนัก” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ประการที่ 3 คือต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัย สถาบันการศึกษา สถาบัน วิจัยต่างๆ และภาคเอกชน ให้มีการนำงานวิจัยไปใช้ได้ จริง และประการสุดท้ายคือ ต้องมีระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่ครอบคลุมและเป็นธรรม

ด้านคุณหญิงกัลยากล่าวว่า สำหรับแนวทางทั้ง 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี วท.จะเร่งปฏิรูประบบการเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัย สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ในการพัฒนาผลงานวิจัยที่สามารถตอบโจทย์ของสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าจะดำเนินการภายใน 1-2 เดือนนี้.

No comments: