Tuesday, June 2, 2009

เผยนร.-นศ.กว่า 8 แสนแห่ยื่นขอกู้เงิน กยศ.

ผจก.กยศ.เผย 3 เดือน มีนักเรียน-นักศึกษาขอยื่นกู้เงินแล้ว 824,000 ราย จากเป้าหมายให้กู้ได้ 980,000 ราย เตือนหมดเขตขอกู้ได้ 10 มิ.ย.นี้ ก่อนหมดสิทธิ์...

นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าววันนี้ (1 มิ.ย.) ว่า หลังจาก กยศ. เปิดให้นักเรียนนักศึกษายื่นคำร้องขอกู้เงิน กยศ. ผ่านระบบ e-Studentloan ทางเว็บไซต์ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-10 มิ.ย.นี้ ปรากฏว่าถึงขณะนี้ มียอดผู้ยื่นกู้ทั้งรายเก่า และรายใหม่จำนวน 824,000 ราย และน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปีนี้จะมีผู้กู้ทั้งสิ้น 980,000 ราย

ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กยศ. ได้เริ่มทยอยโอนเงินให้กับผู้กู้ในระดับชั้นมัธยมปลายตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หลายร้อยล้านบาท ส่วนระดับอุดมศึกษา กยศ.จะเริ่มโอนเงินให้ในต้นเดือน มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม เหลือเวลาอีกเพียง 10 วัน จะหมดเขตยื่นคำร้องขอกู้จึงขอให้นักเรียน นักศึกษาที่มีความจำเป็น เร่งดำเนินการยื่นคำร้อง เพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสทางการศึกษา

สำหรับสัดส่วนของผู้กู้ระดับชั้นมัธยมปลายกับระดับอาชีวศึกษา นพ.ธาดา กล่าวว่า เป็นไปตามนโยบายที่วาง ไว้ คือ มีจำนวนผู้กู้ใกล้เคียงกัน ส่วนกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) นั้น จะเริ่มเปิดให้กู้หลังจากดำเนินการปล่อยกู้ กยศ. เสร็จสิ้นแล้ว

ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวถึงการจัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดี ประจำปีงบประมาณ 2552 สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่ได้ชำระหนี้ กยศ. ติดต่อกัน 5 ปี หรือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้รุ่นปี 2542 - 2548 ว่า ขณะนี้ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้กู้ยืมที่ค้างชำระเข้าโครงการไกล่เกลี่ยฯ ทั้งหมด 29,000 ราย ใน 26 จังหวัดทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่าหนี้ทั้งสิ้น 3,011 ล้านบาท จากปีที่แล้ว มีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 7,000 ราย ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินโครงการนี้มีความคุ้มค่า เพราะยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องส่งฟ้องดำเนินคดีผู้กู้รายละประมาณ 5,000 บาท หรือรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่โดยภาพรวม ถือว่าผู้กู้มีความตระหนักต่อหน้าที่ของตนเองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ชำระหนี้ปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 73 ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 70