Thursday, July 15, 2010

โลกหนุ่มขึ้นอีก70 ล้านปีได้ความรู้จากการศึกษาธรณีวิทยาครั้งใหม่

โลกหนุ่มขึ้นอีก70 ล้านปีได้ความรู้จากการศึกษาธรณีวิทยาครั้งใหม่

การศึกษาทางธรณีวิทยาครั้งใหม่ ทำให้ได้รับความรู้ว่า โลกของเราเป็นหนุ่มขึ้นกว่าที่เคยคาดกันขึ้นอีกถึง 70 ล้านปี ซึ่งเดิมเชื่อว่าพิภพนี้มีอายุถึง 4.537 พันล้านปีแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ศึกษารู้อายุของโลกได้จากการเปรียบเทียบอายุแร่ธาตุที่ขุดพบในชั้นภายในของโลกที่อยู่ระหว่างเปลือกโลกและแกน กับที่ได้พบในก้อนอุกกาบาต ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสุริยะจักรวาล

วารสารวิชาการ "ภูมิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ" ของสหรัฐฯ รายงานการศึกษาเรื่องนี้ว่า ดร.จอห์น รัดจ์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ หัวหน้าคณะผู้ศึกษาได้กล่าวว่า "โลกได้ใช้เวลารวมตัวเป็นตัวเป็นตนขึ้นนานประมาณ 100 ล้านปี ซึ่งเราประมาณได้ว่าโลกเริ่มเกิดมีขึ้นเมื่อสัก 4.467 พันล้านปี ซึ่งนับว่าหนุ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่เคยคิดว่าเป็นไปได้กัน เมื่อก่อนว่านานตั้ง 4.537 พันล้านปีมาแล้ว"

หม่อนไหมเอาใจกลุ่มรักษ์สุขภาพ นำวิธีย้อมธรรมชาติส่งต่อเกษตรกร

หม่อนไหมเอาใจกลุ่มรักษ์สุขภาพ นำวิธีย้อมธรรมชาติส่งต่อเกษตรกร

นายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า เทคนิคการฟอกย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติมีความสำคัญยิ่ง เป็นกระบวนการที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งที่ผู้ผลิตต้องคำนึงถึง เพราะนอกจากคุณภาพจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าไหมได้แล้ว สีสันยังช่วยดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนี้กลุ่มผู้บริโภคในแถบประเทศยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ได้ตั้งเกณฑ์และข้อกำหนดการคัดเลือกสินค้านำเข้า ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากสารพิษ

ดังนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการตรวจสอบการตกสีของผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) อีกทั้งเป็นการพัฒนาทักษะและเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจการฟอกย้อมไหมด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างถูกต้องและสามารถแนะนำ ถ่ายทอดเทคนิคด้านการฟอกย้อมให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ ให้สามารถผลิตผ้าไหมได้อย่างมีคุณภาพ กรมจึงได้มอบหมายให้สำนักอนุรักษ์ และตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์หม่อนไหม จัดโครงการฝึกอบรมการฟอกย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติสำหรับเจ้าหน้าที่ ผู้ตรวจสอบคุณภาพผลิต-ภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) ณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จังหวัดนครราชสีมา ไปแล้วจำนวน 2 รุ่น

สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายใดสนใจเทคนิคการย้อมที่ถูกต้องสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2579-5595, 0-2579-3118 ในวันและเวลาราชการ.

ปศุสัตว์มุ่งพัฒนาโคนม จัดหน่วยฯถ่ายทอดการบริหารฟาร์ม

ปศุสัตว์มุ่งพัฒนาโคนม จัดหน่วยฯถ่ายทอดการบริหารฟาร์ม

นายศิริวัฒน์ อินทรมงคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า เพื่อสนองพระราชกระแสในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ด้านการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อีกทั้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยโคนมเคลื่อนที่ มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ กรมจึงได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ที่ควรเน้นคุณภาพบริการและประหยัด ควบคู่การวิเคราะห์ปัญหาของเกษตรกร ชัดเจนก่อนเข้าดำเนินการปรับปรุง แก้ไขระบบการจัดการฟาร์ม พร้อมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เปรียบเทียบผลลัพธ์และผลกระทบ โดยมีสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัย เป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ประสานแผนและสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยพัฒนาโคนมเคลื่อนที่ และทีมงานจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และศูนย์วิจัยฯ ร่วมดำเนินงานสนับสนุนแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมได้อย่างยั่งยืน

"ที่ผ่านมาการผลิตน้ำนมดิบของไทยเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจากวิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกษตรกรต้องเผชิญกับภาวะต้นทุน ทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ พลังงานเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาคตเพื่อความยั่งยืนในอาชีพเลี้ยงโคนมคาดว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงต้องเพิ่มขนาดฝูง เพื่อทำให้การจัดการฟาร์มทั้งด้านอาหารสัตว์ ฝูงโค การเก็บรวบรวมน้ำนมได้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางลดต้นทุนการเลี้ยง"

รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวต่อว่า การพัฒนาบุคลากรภาคสนาม เพื่อทำหน้าที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือแนะนำการปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อน ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตรงตามมาตรฐานได้นั้น จึงจำเป็นต้องฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับเจ้าหน้าที่ ให้สามารถเชื่อมโยงความรู้ทั้งในด้านตัวโคนม สุขภาพการให้อาหารโคนม รวมทั้งผลผลิตน้ำนมจากโคแต่ละตัวภายในฟาร์ม สำหรับนำมาสรุปวิเคราะห์ระบบ
การจัดการ.

ใช้ Coop Shop ดันธุรกิจสหกรณ์ นำร่องในชุมนุมร้านค้า 11 แห่ง

ใช้ Coop Shop ดันธุรกิจสหกรณ์ นำร่องในชุมนุมร้านค้า 11 แห่ง

นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสหกรณ์ร้านค้าที่มีสมาชิกทุกคนเป็นผู้ ถือหุ้น ลงทุนร่วมกันด้วยความสมัครใจ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนในการซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ในเรื่องราคาและคุณภาพสินค้านั้นมีสภาพเป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจสหกรณ์ให้ เดินหน้าพัฒนา บนพื้นฐานภาวะทางการเงิน กรมตรวจบัญชีฯ จึงมุ่งขับเคลื่อนผลักดัน สร้างมาตรฐานการบัญชี โดยให้มีโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (Full Pack) เน้นความโปร่งใส รวมทั้งพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การขับเคลื่อนมูลค่าทางการเงิน การดำเนินการ มาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายดังกล่าวขับเคลื่อน กรมตรวจบัญชีฯ พร้อมด้วยชุมนุมร้านสหกรณ์แห่งประเทศไทย จำกัด ร้านสหกรณ์ นำร่อง 11 แห่ง ได้ร่วมบันทึกข้อตกลงการ บริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์ร้านค้ารูปแบบใหม่ (Coop Shop) ขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบตลาดภาคสหกรณ์ ผ่านกลไกการบัญชี ให้มีแนวคิดการบริหารจัดการร้านค้าสหกรณ์ขนาดย่อย (Coop Shop) โดยสร้างเครือข่ายสินค้า จากแหล่งสหกรณ์ผู้ผลิตกับผู้บริโภค ที่อาศัยเทคโน-โลยีอันทันสมัย (www. coopinthai land.com) เป็นช่องทางการตลาดช่วยผลักดัน เชื่อมโยงธุรกิจสินค้าสหกรณ์ภาคเกษตร อาทิ ข้าว ปุ๋ย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผัก ผลไม้ ผ้าไหม และเครื่องจักสาน ที่ล้วนเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานการผลิตตรงตามความต้องการของผู้บริโภค.

แนะผู้ใหญ่เป็นแบบดีไม่โกหกพกลม

แนะผู้ใหญ่เป็นแบบดีไม่โกหกพกลม

องมนตรี 'เกษม วัฒนชัย' แนะผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เยาวชน อย่าพูดโกหก ใส่ร้ายป้ายสีผ่านสื่อ ขณะ รมว.ศึกษาธิการ ชี้ ควรส่งเสริมให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน เชื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประเทศ...

ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชนครั้งที่ 8 (Book Festival for Young People 2010) ภายใต้แนวคิด เด็กฉลาด ชาติเจริญ ตอนหนึ่งว่า ผู้ใหญ่ขณะนี้กำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ที่จะสร้างเด็กและเยาวชนไทยรุ่นใหม่ให้มีความรู้ เป็นพื้นฐานนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยจะเข้มแข็งได้ก็อยู่ที่คุณภาพของเด็กและเยาวชนไทย ทั้งนี้ การจะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ได้นั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานสำคัญ 2 ประการคือ พื้นฐานความจริงและความมีเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่จะต้องทำตนเป็นตัวอย่าง หากผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่พูดโกหกพกลม ใส่ร้ายป้ายสีผ่านสื่อ ก็อย่าหวังว่าจะเห็นเยาวชนมีอนาคตที่ดีได้ หรือถ้าผู้ใหญ่เป็นคนไร้เหตุผล เด็กก็ได้ตัวอย่างที่ไม่ดี นำไปสู่เป้าหมายที่เลวร้าย เช่น เด็กเผาโรงเรียนเพราะเห็นผู้ใหญ่เผาบ้านเผาเมือง เป็นต้น ดังนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้จะต้องยึดหลักความจริงและความมีเหตุผล ทั้งนี้ ประเทศจะเจริญและเข้มแข็งได้ จะต้องมีการลงทุน 4 เรื่อง คือ 1.การศึกษา 2.ลงทุนทำวิจัย 3.ลงทุนสร้างเครือข่ายข่าวสาร 4.การลงทุนด้านสาระความรู้ให้มีคุณภาพ

ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบฉบับที่ดีควรค่าแก่การยกย่องว่าเป็น "แม่ของแผ่นดิน" ที่ส่งเสริมการอ่าน ทรงสอนหนังสือและเล่านิทานพระราชทานแก่พระราชโอรสพระราชธิดา การส่งเสริมเด็กและเยาวชนไทยให้มีนิสัยรักการอ่านและเป็นนักอ่านที่ดี นับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประเทศ เพราะการอ่านหนังสือทำให้คนหลายๆคนเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในด้านความคิดและพฤติกรรม หากส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่านได้ถึงแก่นแท้ มีวิจารณญาณ ก็จะก่อเกิดนวัตกรรมด้านความคิดและพฤติกรรมที่พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างมั่นคง.

แฉไทยติดยาบ้า อันดับ1โลก เด็กสุดอายุ12ปี

แฉไทยติดยาบ้า อันดับ1โลก เด็กสุดอายุ12ปี

ผลสำรวจระบุไทยติดยาบ้าอันดับ 1 ของโลก โดยวัยรุ่นฮิตยาไอซ์ สถาบันธัญญารักษ์ พบเด็กอายุ 12 ปีมาบำบัดยาเสพติด เผยปี 53 ยอด "ขี้ยา" พุ่งพรวดแค่ครึ่งปีพบแล้ว 100,000 ราย จับมือ ม.เย. สหรัฐฯ วิจัยความสัมพันธ์ยีน...

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2553 ที่ฮอลล์ 9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 11 เรื่อง "รู้ลึก รู้จริง รู้ทันยาเสพติด : Update in Addiction" พร้อมมอบรางวัลธัญญารักษ์อวอร์ด ประจำปี 2553 ซึ่งจัดโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดย พล.อ.พิจิตร กล่าวว่า การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ถือเป็นเรื่องน่ายกย่อง เพราะนอกจากช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการช่วยประเทศชาติ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่บำบัดรักษาผู้ที่ติดยา ขอให้มีความตั้งใจ มีความมานะในการฟื้นฟูทำให้ผู้ที่ติดยากลับเป็นคนดีอีกครั้ง เปรียบได้กับความเพียรของพระมหาชนกที่ว่ายน้ำแม้ไม่เห็นฝั่ง แต่ก็มีความพยายาม

ด้าน น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์การติดยาเสพติดในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้น จากปี 2552 พบผู้ติดยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัด ประมาณ 120,000 ราย แต่ระยะเวลาไม่ถึง 8 เดือนของปี 2553 กลับพบสูงถึง 100,000 ราย โดยพบว่าร้อยละ 32 เป็นเด็กอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ทั้งนี้ พบว่าในกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่มีอายุต่ำที่สุดที่เข้ารับการบำบัดในสถาบันธัญญารักษ์ คืออายุ 12 ปี โดยส่วนใหญ่ติดยาเสพติดประเภทยาบ้า กัญชา และ ยาไอซ์

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมากลุ่มวัยรุ่นเริ่มติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยาไอซ์ ซึ่งมีส่วนผสมของแอมเฟตามีน (Amphetamine) ที่มีความบริสุทธิ์มากกว่ายาบ้า สำหรับการประชุมวิชาการครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจคือการหารือในเรื่องการศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่าง การติดยาเสพติดและยีนในร่างกายมนุษย์ เพื่อศึกษาว่าการติดยาเสพติดมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางพันธุกรรมหรือไม่ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) สถาบันธัญญารักษ์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาความสัมพันธ์ดังกล่าว โดยศึกษาวิจัยในประเทศต่างๆ ทั้งประเทศในแถบอาเซียน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย โดยจะมีการวิจัยถึงสารเสพติดในแต่ละกลุ่มประเทศที่มีการใช้มากที่สุด ซึ่งจะง่ายต่อการศึกษาวิจัยสารเสพติดประเภทนั้นๆ

ซึ่งประเทศไทยได้รับการเลือกในการศึกษาครั้งนี้ เนื่องจากพบว่า ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดยาเสพติดประเภทยาบ้า มากเป็นอันดับ 1 ของโลก จากเดิมการสำรวจอัตราการติดยาเสพติดในประเทศไทยเมื่อปี 2536 พบว่า คนไทยติดยาเสพติดประเภทกัญชา เฮโรอีน สูงสุด รองลงมาคือ ยาบ้า แต่หลังจากปี 2539 จนถึงปัจจุบันมีอัตราการเสพยาบ้าในประเทศไทยสูงขึ้นจนมากที่สุดในโลก ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม มีการติดยาเสพติดประเภทเฮโรอีน สหรัฐอเมริกา พบมีการติดโคเคนสูงสุด

รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการวิจัยดังกล่าวในประเทศไทยจะทำการสำรวจกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-19 ปี รวมกว่า 500 คน ในภาคกลาง และภาคเหนือ ที่มีความสมัครใจจะให้ทำการวิจัย โดยขณะนี้ใช้เวลาในการวิจัยมาเข้าปีที่ 3 แล้ว และการวิจัยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 จากขั้นตอนในการวิจัยทั้งหมด 3 ขั้นตอน ซึ่งหากการวิจัยประสบความสำเร็จจะมีส่วนช่วยในการเฝ้าระวังการระบาดของยาเสพ ติดได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อทราบประวัติของผู้ที่ติดยาเสพติดแล้ว ก็จะต้องมีการเจาะเลือดสำรวจคนในเครือญาติ ครอบครัวของผู้ที่ติดยาเสพติดว่ามียีนชนิดเดียวกันหรือไม่ เพื่อหาทางป้องกันต่อไป.

ปิดโควต้า“ฮัจญ์”ยอด1.3หมื่นมอบบินไทยดูแลผู้แสวงบุญภาคใต้

ปิดโควต้า“ฮัจญ์”ยอด1.3หมื่นมอบบินไทยดูแลผู้แสวงบุญภาคใต้

ยอดชาวไทยมุสลิมไปแสวงบุญซาอุดิอาระเบีย 1.3 หมื่นคน โดยการบินไทยจะเปิดเที่ยวบินพิเศษเพื่อจัดส่งผู้แสวงบุญ 7-8 พันคน วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลา 8-10 วัน ในการบินไปยังนครเจดดาห์...

วันที่ 14 ก.ค. 2553 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้รับทราบจำนวนชาวไทยมุสลิมที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในปี 2553 ทั้งสิ้น 1.3 หมื่นคน โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเปิดเที่ยวบินพิเศษ เพื่อจัดส่งผู้แสวงบุญที่จะออกเดินทางจากพื้นที่ภาคใต้ (หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ภูเก็ต และจ.กระบี่) จำนวน 7-8 พันคน วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลา 8-10 วัน ในการบินไปยังนครเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และ นอกจากนั้นคือจำนวนผู้แสวงบุญที่จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ซึ่งมีสายการบินต่างๆ คอยให้บริการตามปกติ

“ที่ประชุมมีการหารือกันมากในเรื่องสายการบินที่จะขอส่วนแบ่งการรับส่งผู้โดยสารจากพื้นที่ภาคใต้ แต่เพราะปัญหาเรื่องความมั่นคงทำให้สายการบินไทยจำเป็นต้องเป็นผู้ให้บริการในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งทางฝั่งประชาชนต่างก็ให้ความไว้วางใจสายการบินไทยด้วย อย่างไรก็ดี จะมีปัญหาเล็กน้อยในช่วงขาบินกลับ ซึ่งจะตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น ราวเดือนธันวาคม ดังนั้นการบินไทยอาจจะขนส่งผู้แสวงบุญกลับช้ากว่ากำหนดไปประมาณ 10 วัน เพราะเครื่องขากลับบินได้วันละ 1 เที่ยว แต่ทราบมาว่าผู้แสวงบุญต่างก็ไม่ติดใจ เพราะต้องการอยู่ที่นั่นนานอยู่แล้ว” รมว.วธ. กล่าว

นอกจากนี้ รมว.วธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติไม่อนุมัติให้เปิดรับโควตาผู้แสวงบุญเพิ่มเติมตามที่มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเสนอขอ ทั้งนี้เป็นเพราะหากมีการอนุมัติให้ขอเพิ่มได้ก็จะไม่มีที่สิ้นสุด และที่ผ่านมาก็ได้จัดสรรโควตาให้ตามที่แต่ละหน่วยงานเสนอขอมาแล้ว ซึ่งเวลานี้ได้มีระบุการจัดสรรโควตาให้กับบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจญ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับกำชับถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่นการลอยแพ หรือไม่ดูแลผู้แสวงบุญ ตลอดจนกรณีการแย่งโควตาการเดินทาง และอื่นๆ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะไม่เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา

Monday, July 5, 2010

ด็กไทยออกจาก ร.ร.กลางคันปีละ 9 แสน

มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เผยผลการศึกษา ยกสาเหตุ เช่น ครอบครัวยากจน ไร้สัญชาติ ไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่าย ทนรับสภาพความกดดันจากระบบการเรียนการสอนไม่ไหว...

นายยุทธชัย เฉลิมชัย นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เปิดเผยผลการศึกษาการใช้เวลาในห้องเรียนของเด็กไทยกับประเทศอื่นๆ ว่า เด็กไทยเป็นชาติที่เด็กถูกบังคับให้เรียนในห้องเรียน โดยใช้ชั่วโมงเรียนในแต่ละวันมากที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับเด็กจีนที่มีความเครียดสูง ด้วยประชากรที่เยอะ การแข่งขันจึงมีสูง ก็ยังใช้เวลาเรียนในห้องเรียนในแต่ละวันน้อยกว่าเด็กไทย โดยปัจจุบันมีเด็กนักเรียนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกจากสถานศึกษากลางคันประมาณปีละ 9 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ด้วยสาเหตุที่ต่างกัน เช่น ครอบครัวยากจน ไร้สัญชาติ ไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่าย ทนรับสภาพความกดดันจากระบบการเรียนการสอนที่เน้นการแข่งขันกันเป็นเลิศทางวิชาการไม่ไหว

นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติกล่าวว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในเมืองและชนบทมีความทุกข์จากระบบการศึกษาไม่ ต่างกัน คือใช้เวลาเรียนในห้องเรียนมาก แถมต้องเรียนกวดวิชาตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนเกิดความเครียดและเบื่อหน่าย ซึ่งการเปลี่ยนระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มาเป็นแบบแอดมิชชั่น ส่งผลให้เด็กวิ่งเข้าหาโรงเรียนกวดวิชามากขึ้น รวมถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นให้เด็กต้องเก่งวิชามาตรฐาน ทำให้ครูต้องสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ด้วยภาษาอังกฤษ โดยให้ขยายผลให้ได้ 2,500 โรงเรียนในปีการศึกษาหน้า ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าครู จะสอนกับผู้เรียนจะรับไหวหรือไม่ อาจจะยิ่งเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับเด็กมากกว่าเดิม

"ผมคิดว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยอยากลุกขึ้นตะโกนบอกว่า อึดอัด ทุกข์จากความเครียดกับระบบการศึกษามากเพียงใด เปรียบเทียบกับเด็กนักเรียนในจีน ยังมีเวลาว่างให้ผ่อนคลายจากการเรียนในแต่ละวัน ดูได้จากตารางเรียนที่เน้นเรียนวิชาการในตอนเช้าและพักกลางวันเวลา 11 โมง จากนั้นโรงเรียนจะให้เด็กออกนอกโรงเรียน กลับไปกินข้าวที่บ้าน หรือไปพักผ่อน ถึงบ่าย 2 ค่อยกลับมาเรียนใหม่" นายยุทธชัยกล่าวและว่า ระบบการศึกษาไทย อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนใหม่ ลดจำนวนชั่วโมงเรียนในห้องเรียนลง เพิ่มการเรียนการสอนที่ใช้ทักษะมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้เรียน ยกเลิกการเรียนการสอนด้วยวิธีบังคับควบคุม เพราะจะทำให้เด็กขาดความมั่นใจ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าแสดงออก ถึงเวลาแล้วที่การศึกษาไทยจำเป็นต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลงเพื่อหนีออกจากความล้มเหลวในปัจจุบัน.

ใช้ยานอกบัญชีพุ่ง 68% ส่วนคนไทยเข้าถึงบริการเพิ่ม

ประสิทธิภาพการให้บริการดีขึ้น ผู้ป่วยในตายน้อยลง ขณะที่มีผู้มาฝากครรภ์ใน 4 เดือนแรกของอายุครรภ์ถึง 39% แต่อัตราการใช้ยานอกบัญชีสูงถึง 68% เตรียมหายาในบัญชีแทนหลังลดค่าใช้จ่าย...

นพ.ถาวร สกุลพาณิชย์ รอง ผอ.สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) เครือข่ายสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษาสถานการณ์ระบบบริการสุขภาพปี 2552 พบว่า โดยรวมประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้นทั้งในส่วนของผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ประสิทธิภาพการให้บริการในโรงพยาบาลทุกระดับสูงขึ้น วัดจากการที่ผู้ป่วยในของโรงพยาบาลมีอัตราการตายน้อยลง เมื่อเทียบกับความน่าจะเป็นของอัตราตายมาตรฐาน ขณะที่อัตราการนอนโรงพยาบาลของโรคที่ควรจะควบคุมได้ 4 กลุ่มโรคมีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2548-2552 ได้แก่ โรคหัวใจวาย โรคเบาหวาน โรคถุงลมโป่งพอง และโรคลมชัก

นพ.ถาวรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่าการอนามัยแม่และเด็ก มีผู้มาฝากครรภ์ภายใน 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์คิดเป็นร้อยละ 39 ของผู้ที่มาคลอดทั้งหมด และจากการวิเคราะห์การใช้ยา ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและมาตรการควบคุมการใช้ยาของโรงพยาบาลนำร่อง 34 แห่ง กรณีผู้ป่วยนอกในระบบจ่ายตรงของสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ปีงบประมาณ 2552 พบว่า ค่ายาสูงถึงร้อยละ 83 ของค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกทั้งหมด โดยมีการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติในสัดส่วนที่สูงถึง 66-68% ซึ่งหากมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมด้วยการแทนด้วยยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ การใช้ยาที่มีการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรจะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 3,800 ล้านบาท.

มก.รับสนองพระดำริสอนเครื่องสายจีน

สนับสนุนงบประมาณ 200,000 บาท แก่คณะมนุษยศาสตร์ จัดซื้อเครื่องดนตรีสายตะวันออกเพิ่มเติม พร้อมกราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงเป็นพระอาจารย์พิเศษสอน "กู่เจิง"....

รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า จากการที่มหาวิทยาลัยได้ รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในการแสดงดนตรี "คีตนนทรี ใต้ร่มพระบารมี" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อกลางเดือน ก.พ.2553 และทรงมีพระดำริเสนอให้ มหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนด้านดนตรีเครื่องสายตะวันออกเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่มีการเรียนการสอนเครื่องสายดนตรีตะวันตกและดนตรีไทยอยู่แล้วที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการสนองพระดำริ โดยสนับสนุนงบประมาณ 200,000 บาท แก่คณะมนุษยศาสตร์ เพื่อจัดซื้อเครื่องดนตรีสายตะวันออกเพิ่มเติม และได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นพระอาจารย์พิเศษสอน "กู่เจิง" โดยพระองค์ท่านจะทรงบรรยายพิเศษในหัวข้อ "วัฒนธรรมดนตรีจีน" และทรงสอนปฏิบัติเครื่องดนตรี "กู่เจิง" พระราชทานแก่นิสิตและคณาจารย์ ในวันที่ 7, 14, 19, และ 28 ก.ค.นี้ ณ ภาควิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ ม.เกษตรฯ.

พระราชทาน 179 ทุนเด็กยากจน

สภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบทุนการศึกษา ในเขต กทม.และปริมลฑล รวมเป็นเงิน 730,500 บาท แบ่งเป็นประถม 33 ทุน ม.ต้น 45 ทุน ม.ปลาย 21 ทุน อาชีวศึกษา 19 ทุน และอุดมศึกษา 61 ทุน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดจัดพิธีมอบทุนพระราชทานช่วยเหลือการศึกษาเด็กยากจนปี 2553 แก่เด็กและเยาวชนยากจนในเขต กทม.และปริมณฑล จำนวน 179 ทุน เป็นเงิน 730,500 บาท โดยพิธีมอบทุนพระราชทานจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค. เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ถ.ราชวิถี โดยมีนายณัฐพัชร์ อินทุภูติ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธี สำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้รับทุนการศึกษาครั้งนี้ แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา 33 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 45 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 21 ทุน ระดับอาชีวศึกษา 19 ทุนและระดับอุดมศึกษา 61 ทุน.

วิจัยถั่วฝักยาว หยกขาว กระจายพันธุ์ดีสู่ผืนดินเกษตรกร

สายพันธุ์ "ถั่วฝักยาว" ที่มีอยู่ในเมืองไทย สามารถปลูกได้และให้ผลิตผลที่ดีในช่วงหน้าฝน หน้าร้อน ส่วนในฤดูหนาวมักให้ผลผลิตน้อย ยังมีปัญหาโรคแมลงเข้ารบกวน ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงปริมาณที่มาก นอกจากนี้ เมล็ดพันธุ์ที่มีขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ไม่สามารถเก็บทำพันธุ์ขยาย ได้

ฉะนี้...เพื่อเป็นทางเลือก รศ.ดร.สุชีลา เตชะวงษ์เสถียร พร้อมคณะจากศูนย์วิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหา-วิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น จึงทำการวิจัยพัฒนากระ-ทั่งได้ "ถั่วฝักยาวสายพันธุ์หยกขาว" ขึ้น โดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนทุนวิจัย

รศ.ดร.สุชีลา เล่าให้ฟังว่า...การปรับปรุงพันธุ์พืชชนิดต่างๆต้องใช้ระยะเวลายาวนานจึงได้สายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเด่นกระจายพันธุ์ดีสู่เกษตรกรได้ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐมีการทำงานวิจัยด้านนี้มาโดยตลอด แต่บางครั้งไม่สามารถส่งต่อถึงเกษตรกรได้ ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อีกทั้งเป็นการ ส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรมีโอกาสปลูกพืชที่คุ้นเคย ตลาดมีความต้องการ และ เก็บเมล็ดทำพันธุ์ขยาย ได้ ทีมวิจัยจึงร่วมกับ สนง.เกษตรอำเภอซำสูง จ.ขอนแก่น และ สนง.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ทดสอบสายพันธุ์ ซึ่งมีทั้ง พริก มะเขือเทศ รวมทั้ง ถั่วฝักยาว ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อกระจายขยายพันธุ์ดีสู่เกษตรกร

ถั่วฝักยาวพันธุ์ "หยกขาว" ซึ่งให้ผลผลิตตลอดทั้งปี.

สำหรับขั้นตอนการวิจัย นั้น รศ.ดร.สุชีลาบอกว่า ทีมงานได้นำ ถั่วฝักยาวสายพันธุ์ไร้ค้าง จาก สาธารณรัฐประชาชนจีน มาปลูก และคัด เลือกต้นที่มีลักษณะทรงต้นพุ่ม ขนาดฝักสั้น สีเขียวอ่อน ผิวเรียบ สามารถ เจริญเติบโตได้ดีในฤดูหนาว มาปลูกในปี 2541 แล้วคัดเลือกต้นที่มีลักษณะเด่น

นำมาทำการผสมข้ามกับ ถั่วฝักยาวไร้ค้างพันธุ์ มข.25 ซึ่งเป็นพันธุ์เดิมของมหาวิทยาลัย ที่ปรับปรุงพันธุ์โดย รศ.ดร.สนิท ลวดทอง สายพันธุ์ดังกล่าวมีลักษณะเด่นคือ ทรงพุ่ม ฝักยาว เนื้อหนา แต่ไม่ทนต่อโรคในฤดูหนาว ทำการปรับปรุงพันธุ์เรื่อยมา กระทั่งได้สายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเด่นคือ สามารถเจริญเติบโต มีฝักสีเขียวนวล และยังมีรสชาติหวานกรอบ

เมล็ดถั่วที่เกษตรกรสามารถเก็บทำพันธุ์ในฤดูถัดไปได้.

ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี มีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนาน ทนทานต่อโรคโคนเน่า โดยทีมวิจัยให้ชื่อถั่วฝักยาวสายพันธุ์นี้ว่า "หยกขาว" ที่มีผลผลิตเฉลี่ยอัตรา 25 กก./ไร่ ก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต และให้หลังการเก็บเกี่ยวทุกสัปดาห์ อัตรา 5-10 กก./ไร่ และเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่ที่ดี ทีมวิจัยจะอบรมเกษตรกรที่สนใจทั้งในเรื่องการเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา และวิธีการเก็บ เกี่ยวที่ เกษตรกรต้องคัดเลือกเพื่อเก็บทำพันธุ์ขยาย ควบคู่กับการ ส่งคืนเมล็ดพันธุ์ ให้กับทีมวิจัย เพื่อกระจายสู่เกษตรกรรายอื่น ต่อไป ถั่วฝักยาวพันธุ์หยกขาว นอกจากสามารถปลูกและให้ผลผลิตตลอดทั้งปีแล้ว ยังสามารถเก็บไว้ทำพันธุ์ขยายเพื่อปลูกในฤดูถัดไป ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการผลิตในด้านเมล็ดพันธุ์ได้อีกทางหนึ่ง

เกษตรกรรายใดที่สนใจ สามารถกริ๊งกร๊างสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-4320-2222-9 ต่อ 2281 ในวันและเวลาราชการ.

สอบ GAT-PAT หดเหตุงด ม.5 ร่วม

“อุทุมพร” ระบุยังไม่ได้รับรายงานการทุจริต โดยปีนี้มีผู้สมัครสอบทั้งหมด 238,281 คน เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย 186 คน โดยจำนวนผู้สอบลดลงเนื่องจาก ทปอ.ไม่ให้เด็ก ม.5 สอบ...

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เดินทางตรวจสนามสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพ หรือ PAT ที่ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ และ ร.ร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) โดยนายไชยยศ กล่าวว่า การสอบเรียบร้อยดี แต่ทราบว่าสภาพแวดล้อม ร.ร.ที่เป็นสนามสอบบางแห่งมีผลต่อสมาธิเด็ก เช่น อยู่ใกล้ทางรถไฟ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลรวมถึงปัญหาจากเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายเพื่อปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น

ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานทุจริตใดๆ การสอบครั้งนี้มีผู้สมัครแบบวัดความถนัดทั่วไป หรือ GAT และ PAT ทั้งหมด 238,281 คน เป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย 186 คน จำนวนผู้สอบลดลงจากปีที่แล้วครึ่งต่อครึ่ง เนื่องจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กำหนดไม่ให้เด็ก ม.5 สอบ แต่อายุ 30 ปีขึ้นไปมาสมัครสอบประมาณ 10 คน ยังไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ปกครองมาสอบ เพื่อดูแนวข้อสอบหรือไม่ เพราะปีที่แล้วเคยมี ส่วนผู้สมัครอายุ 61 ปี ทราบว่าไม่ได้มาสอบ กรณี ม.5 คาบเกี่ยวขึ้น ม.6 วันที่สอบให้แจ้งสถานภาพต่อสนามสอบหรือ สทศ. หรือแก้ไขข้อมูลผ่านเว็บ สทศ.วันประกาศผล 14 ส.ค.

สอบGATฉลุย เล็งรับสมัคร ผ่านร้านสะดวกซื้อ

"อุทุมพร" เผยวางระบบประกาศผลสอบสอบแบบวัดความถนัดทั่วไป หรือ GAT ทางเอสเอ็มเอส ได้แน่ เพื่ออำนวยความสะดวกเด็ก เตรียมรับสมัครผ่านร้านสะดวกซื้ออีกระบบ...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สนามสอบโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่เป็นสนามสอบแบบวัดความถนัดทั่วไปหรือ GAT ของศูนย์สอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางอุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ตรวจความเรียบร้อยของสนามสอบ โดยมี นางสุกัญญา ภู่พันธาภักดิ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามฯ และผู้บริหารให้การต้อนรับ

นางอุทุมพร กล่าวว่า การจัดการสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในการสอบแบบวัดความถนัดทั่วไป ในครั้งนี้มีผู้เข้าสอบรวม 234,059 คน ในจำนวนนี้ มีผู้เข้าสอบที่มีอายุสูงสุด คือ อายุ 61 ปี ที่ศูนย์สอบเชียงใหม่ และ นักเรียน ม.5 จำนวน 4,000 คน โดยที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ระบุแล้วว่า ไม่ควรมาสอบ เพราะไม่สามารถนำคะแนนสอบไปใช้ในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในระบบแอดมิชชั่นกลาง หรือ ระบบรับตรงได้ อย่างไรก็ตามหากมีนักเรียน ม.5 เข้ามาสอบ ทาง สทศ.ก็จะไม่ประกาศผลสอบให้

ผอ.สทศ.กล่าวต่อว่า ส่วนนักเรียนม.6 ซึ่งขณะที่สมัครสอบต้นเดือน พ.ค.2553 ที่ผ่านมา และเข้าใจว่า ตนเองอยู่ ม.5 แต่ในวันสอบเรียนอยู่ชั้น ม.6 แล้ว ให้ติดต่อแก้ไขสถานภาพกับทาง สทศ.หลังจากสอบเสร็จแล้ว เพื่อที่ สทศ.จะได้ประกาศผลสอบให้ สำหรับสนามสอบ ร.ร.สตรีวัดมหาพฤฒารามฯ มีนักเรียนตาบอด ไม่สามารถอ่านอักษรเบลล์ได้ ต้องใช้ผู้ช่วยอ่าน จำนวน 1 คน มาจาก ร.ร.เซนฟรังซีสซาเวียร์

นางอุทุมพร กล่าวด้วยว่า สทศ.จะประกาศผลสอบในวันที่ 14 ส.ค.นี้ และคาดว่า ในการประกาศผลครั้งนี้ น่าจะประกาศผลผ่านทางข้อความขนาดสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งวางระบบใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งนักเรียนจะต้องสมัครรับบริการทางเว็บไซด์ และเสียค่าบริการครั้งละ 3 บาท ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ได้ แต่มีโทรศัพท์มือถือใช้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมระบบการรับสมัครผ่านร้านสะดวกซื้ออีกด้วย

จี้นายกฯถอนร่าง ก.ม.คุ้มครองผู้เสียหาย

ตัวแทนกลุ่มพิทักษ์สิทธิพลเมือง ทำหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้อง ถอนร่างพ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข หลังหมอ รพ.อำเภอหนีคุกเลิกผ่าตัด อัด "จุรินทร์" ดื้อแพ่งไม่ฟังกฤษฎีกา...

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ตัวแทนกลุ่มพิทักษ์สิทธิพลเมือง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและประธานวิปรัฐบาล ขอให้แก้ปัญหาเรื่อง พ.ร.บ.ที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุว่า เนื่องจากขณะนี้ ได้มีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....จำนวน 6 ร่าง มีทั้งเสนอจาก ส.ส. 4 ร่าง ภาคประชาชน 1 ร่าง และคณะรัฐมนตรีอีก 1 ร่าง โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน ต่างอ้างว่าเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการด้านสาธารณสุข ให้ได้รับการช่วยเหลือและชดเชยโดยเร็ว แต่ร่าง พ.ร.บ.นี้มีข้อบกพร่องหลายประเด็น เนื้อหาบางส่วนก่อให้เกิดปัญหาไม่เฉพาะต่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น แต่จะมีผลกระทบอันร้ายแรงต่อประชาชนและประเทศชาติเป็นวงกว้าง ซึ่ง สธ.ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา และหลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขและส่งกลับมาที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.กลับยืนยันให้แก้กลับไปเหมือนเดิม ไม่ทำตามคำทักท้วงของคณะกรรมการกฤษฎีกา

"ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผู้บริหารหรือผู้ดำเนินการโรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆนอกกระทรวงสาธารณสุข เช่น รพ.สังกัดกระทรวงกลาโหม มหาดไทย เทศบาล สภากาชาดไทยและสถานพยาบาลเอกชนอีกเป็นส่วนมากหรือเกือบทั้งหมด ไม่เคยได้ทราบเรื่อง พ.ร.บ.นี้ว่าจะกำหนดให้เก็บเงินจากสถานพยาบาลเหล่านี้ และมีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ" พญ.เชิดชูกล่าวและว่า เนื้อหา ใน พ.ร.บ.นี้ ที่หลายคนเห็นว่าไม่เหมาะสมคือ อาจเป็นการเพิ่มช่องทางการร้องเรียนและฟ้องร้องบุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น จากเดิมเคยร้องเรียน สปสช. เพื่อขอเงินชดเชยตาม ม.41 แพทยสภา ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลปกครอง และหัวหน้าส่วนราชการแล้ว ก็จะมาร้องเรียนที่คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายได้อีก ซึ่งจะได้ทั้งเงินช่วยเหลือ เงินชดเชย และไม่ตัดสิทธิการฟ้องศาล เมื่อการฟ้องร้องมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ย่อมต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว คือกรณีแพทย์ในโรงพยาบาลประจำอำเภองดผ่าตัดทุกชนิดหลังจากศาลตัดสินให้จำคุกแพทย์ 4 ปี ในความผิดฐานฉีดยาบล็อกหลังแล้วทำให้ผู้ป่วยตาย ซึ่งผลจากการที่ไม่ผ่าตัดนี้ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสที่จะได้รับการผ่าตัดรวดเร็ว ต้องไปรอคิวผ่าตัดในโรงพยาบาลจังหวัด.

ยอดกู้ กยศ.ล้นเป้าจี้สถานศึกษาช่วยคัดกรองคน

ผู้จัดการ กยศ. เผย ยอดกู้ ประจำปีการศึกษา 2553 มีทั้งสิ้น 1 ล้านราย เกินกว่าเป้าที่กำหนด วอน สถานศึกษาคัดกรองคุณสมบัติ ให้คนที่มีความจำเป็นจริงๆ...

นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้ กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยยอดผู้ยื่นกู้ กยศ. ประจำปีการศึกษา 2553 ว่า ตามที่ กยศ. เปิดให้ นักเรียน นักศึกษา ยื่นกู้ผ่านระบบ e-Studentloan ระหว่างวันที่ 11 ม.ค.-30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ยื่นกู้ทั้งรายเก่าและรายใหม่ทั้งสิ้น 1 ล้านราย ในขณะที่ตั้งเป้าไว้ 890,000 ราย เกินมาแสนกว่าราย มากกว่าปีที่แล้วร้อยละ 5 โดยเป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษามากที่สุด ทั้งนี้ กยศ.อยากให้สถานศึกษาพิจารณาคัดกรองคุณสมบัติผู้ที่มีความจำเป็นจริงๆ ให้เป็นผู้กู้ กยศ. ในปีการศึกษานี้ มิเช่นนั้น จำนวนผู้กู้อาจมากเกินความจำเป็น เนื่องจากเงินที่นำมาปล่อยกู้เป็นงบประมาณแผ่นดิน บวกกับเงินที่ได้รับชำระหนี้คืนมาจากผู้กู้ที่จบการศึกษาไปแล้ว หากใช้ไม่คุ้มค่าก็จะสูญเปล่าทั้งทางการเงินและการศึกษาด้วย สำหรับการชำระหนี้คืนกองทุนฯ ในปีนี้ มีผู้กู้ กยศ. ที่ครบกำหนดชำระหนี้คืนกองทุนฯ จำนวน 2 ล้านราย ซึ่งต้องติดต่อขอชำระหนี้ภายใน วันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี ซึ่งขณะนี้ใกล้ครบกำหนดแล้ว จึงขอให้ชำระหนี้โดยเร็ว.

ขอ 15 ล้านจัดเทศกาลภาพยนตร์

กระทรวงวัฒนธรรม ของบ 15 ล้านบาท สนับสนุนการจัด โครงการ Bangkok International Film Festival 2010 หลัง ปี 54 ไม่ได้รับงบฯสนับสนุน...

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ วธ. เสนอของบแปรญัตติ 15 ล้านบาท ในการสนับสนุนโครงการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ประจำปี 2553 หรือ Bangkok International Film Festival 2010 เนื่องจากคณะกรรมการภาพยนตร์ฯเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนในปีงบประมาณ 2554 ขณะเดียวกันการเสนอของบประมาณเพิ่มในช่วงนี้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงที่ทุกหน่วยงานจะเสนอของบแปรญัตติต่อสำนักงบประมาณ

ปลัด วธ. กล่าวต่อว่า วธ. ได้ดำเนินการจัดทำโครงการเสนอของบประมาณเพิ่มต่อสำนักงบประมาณแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการเสนอของบประมาณในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดงานดังกล่าว เพราะภาพยนตร์สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท รวมทั้งการจัดงานภาพยนตร์ ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทยในการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ให้เป็นสินค้าออกของประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สินค้าไทยให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสายตาชาวต่างชาติด้วย โดย วธ. ให้การสนับสนุนการจัดงานภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา.

สปสช.ปัดบัตรทองต้นเหตุใช้ยาเปลือง

สปสช.อัด"พรีม่า"โทษบัตรทองใช้ยาเปลือง ชี้ สวัสดิการ ข้าราชการเปิดช่องหมอฮั้วบริษัทยาสั่งเกินความจำเป็น...

วันที่ 2 ก.ค. 2553 นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เปิดเผยกรณีสมาคมผู้วิจัยและผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ หรือ พรีม่า (PReMA) กล่าวถึงปัญหาการใช้ยาเกินความจำเป็นว่า อาจเกิดจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง ของ สปสช. ที่ดูแลคนไทยส่งผลให้ทุกคนได้รับยากันหมด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ว่า ระบบการเงินการคลังในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองนั้น มีการใช้รูปแบบงบเหมาจ่ายรายหัว ให้หน่วยบริการทำให้ไม่เอื้อที่จะให้แพทย์สามารถสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็นได้

เนื่องจากต้องมีการบริหารให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้งบประมาณ ที่ได้รับ คำกล่าวอ้างดังกล่าวตัวแทนของสมาคมพรีม่า จึงไม่เป็นความจริง ขณะเดียวกันในระบบการจ่ายเงินในสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ที่ข้าราชการสามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ และนำมาเบิกกับกรมบัญชีกลางได้ ตรงนี้เป็นการเอื้อให้แพทย์สามารถสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น ได้มากกว่าเพราะไม่มีระบบการเงินการคลังควบคุมไว้ เนื่องจากเป็นระบบปลายเปิด ซึ่งปัจจุบันระบบที่มีปัญหางบประมาณที่พุ่งสูงขึ้น และการจ่ายยาเกินจำเป็น คือ ระบบสวัสดิการข้าราชการ

เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ส่วนการที่ประชาชนไม่ได้ร่วมจ่าย จึงส่งผลให้ประชาชนมาใช้บริการมากขึ้นนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากประเทศไทย มีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ ไม่เพียงพอกับประชากร จึงส่งผลให้ผู้ป่วยล้น รพ. ยืนยันว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มีการใช้ยาฟุ่มเฟือย สาเหตุจริงๆ คือ ประเทศไทยยังไม่มีระบบข้อมูลสารสนเทศที่ชัดเจน ในการกำกับการสั่งจ่ายยาของแพทย์ตามความจำเป็น จึงทำให้กลยุทธ์การส่งเสริมการขายยาของบริษัทยาสามารถทำได้อย่างดี จากรายงานการวิจัยพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีการบริโภคยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2543 คนไทยมีค่าใช้จ่ายเฉพาะด้านยาทั้งสิ้นประมาณ 100,000 ล้านบาท และได้เพิ่มเป็นกว่า 186,000 ล้านบาทในปี 2548 หรือคิดเป็นร้อยละ 42.8 ของรายจ่ายด้านสุขภาพทั้งหมด

ลุ้นร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนทันเปิดสภาฯ นี้

ยืนยันอัตราขั้นสูง คศ.5 ที่ 66,480 บาท แม่พิมพ์เตรียมเฮรัฐปรับเพิ่ม 5%คาดว่าร่าง พ.ร.บ. เงินเดือนฯ น่าจะแล้วเสร็จทัน ก่อนที่รัฐบาลจะปรับเพิ่มในเดือนเมษายน2554....

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการทุกประเภทขึ้นร้อยละ 5 จากฐานเงินเดือนปัจจุบัน เพื่อดึงดูดและรักษาคนเก่งคนดีไว้ในระบบราชการ และยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของข้าราชการ โดยเตรียมงบกลางรายการค่าใช้จ่ายการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้างและค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ สำหรับปีงบประมาณ 2554 ไว้แล้วจำนวน 39,792 ล้านบาทนั้น ในส่วนของการเพิ่มอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การปรับอัตราเงินเดือนข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่มีบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ แนบท้ายร่าง พ.ร.ฎ. ซึ่งมีการปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมการตามที่ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กำหนดว่าให้ทุกส่วนราชการไปเตรียมยกร่าง พ.ร.ฎ.การปรับบัญชีเงินเดือน กรณีของครูทางกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้บัญชีเงินเดือนตั้งแต่ปี 2546 และหลังจากปี 2550 มีการปรับเงินเดือนขึ้นมาตามโครงสร้างใหม่ และรัฐบาลมีการปรับเงินเดือนข้าราชการไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ของครูยังไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น จึงต้องเร่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความสำคัญในการนำร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.

รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า ประกอบกับขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ผ่านทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มาแล้ว จึงอยากให้ ครม.หยิบยกร่าง พ.ร.บ. เงินเดือนฯ ฉบับของกระทรวงศึกษาฯ ขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้ทันสู่การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือน ส.ค. นี้ หากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ มีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้ครูได้ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มสูงขึ้นเท่ากับข้าราชการกลุ่มอื่น อีกทั้งยังจะได้ปรับฐานเงินเดือนเพิ่มอีกร้อยละ 5 ด้วย สำหรับอัตราเงินเดือนในร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ที่กระทรวงศึกษาฯ ยืนยันกลับไปนั้น ได้ยืนตัวเลขเงินเดือนขั้นสูงของอันดับ คศ.5 (เชี่ยวชาญพิเศษ) ที่ 66,480 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 64,340 บาท คาดว่าร่าง พ.ร.บ. เงินเดือนฯ น่าจะแล้วเสร็จทัน ก่อนที่รัฐบาลจะปรับเพิ่มเงินเดือนร้อยละ 5 ให้แก่ข้าราชการทุกประเภทในเดือนเมษายน2554.

ถวาย 12 ล้านบาทหนุนการศึกษาสงฆ์

ซึ่งผู้ที่สนใจจะร่วมสมทบทุนในการสนับสนุนการศึกษาของพระสงฆ์ไทยในปีต่อไป สามารถร่วมถวายผ่านบัญชี...

พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย กล่าวว่า โครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ จะจัดพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงฯ เพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับพระสงฆ์ ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมสุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ประกอบด้วย 1. ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลของกองบาลีสนามหลวง 81 ทุน รวมเป็นเงิน 824,000 บาท

2. ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) จำนวน 236 ทุน รวมเป็นเงิน 1,785,000 บาท 3. ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลของ มมร. จำนวน 54 ทุน รวมเป็นเงิน 527,000 บาท 4. ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลของกองงานพระธรรมทูต จำนวน 9 ทุน รวมเป็นเงิน 180,000 บาท

พล.อ.อ.กำธนกล่าวต่อไปว่า 5. ทุนพระวิปัสสนาจารย์ ซึ่งเป็นทุนสนับสนุนคณะสงฆ์ในการผลิตบุคลากรด้านวิปัสสนาจารย์ ระดับประกาศนียบัตรและระดับปริญญาโทสาขาวิปัสสนาภาวนาหรือเทียบเท่า โดยถวายผ่านคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 1,000 ทุน เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท 6. โครงการฝึกอบรมพระนักเทศน์เฉลิมพระเกียรติ เป็นทุนสนับสนุนฝึกอบรมพระนักเทศน์ แบ่งเป็นระดับวิทยากรแม่แบบ จำนวน 80 ทุน และระดับพระนักเทศน์ประจำจังหวัด จำนวน 760 ทุน รวม 840 ทุน เป็นเงิน 5,400,000 บาท ซึ่งกำกับดูแลโดย มจร. และ มมร. ทั้งนี้ รวมถวายทุนจากโครงการประจำปี 2553 จำนวน 2,220 ทุน เป็นเงิน 12,916,000 บาท ซึ่งผู้ที่สนใจจะร่วมสมทบทุนในการสนับสนุนการศึกษาของพระสงฆ์ไทยในปีต่อไป สามารถร่วมถวายผ่านบัญชี "โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาพระบรมมหาราชวัง หมายเลขบัญชี 061-206592-5 ธ.กรุงเทพ สาขาถนนตะนาว หมายเลขบัญชี 111-4-14822-2 ธ.กสิกรไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 004-2-37111-4 ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาพาหุรัด หมายเลขบัญชี 003-1-15555-5 ธ.กรุงไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 159-0-00181-8.

ศธ.ประสานสำนักงบฯ ช่วยค่าเงินครองชีพครูเอกชน

ซึ่งขณะนี้สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กำลังสำรวจรายละเอียด และจะต้องประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมติ ครม....

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้พิจารณาการช่วยเหลือเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูโรงเรียนเอกชน เพื่อสนับสนุนให้ครูเอกชนมีขวัญกำลัง โดยเฉพาะครูที่ได้รับเงินเดือนน้อยกว่า 11,700 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2553 ที่อนุมัติในหลักการให้การช่วยเหลือเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว แก่ครูโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กำลังสำรวจรายละเอียด และจะต้องประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมติ ครม.

รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าครูโรงเรียนเอกชนที่เงินเดือนต่ำกว่า 11,700 บาท และมีสิทธิรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวมีจำนวน 63,135 คน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 89 ล้านบาทต่อเดือน และงบฯที่จะต้องใช้ระหว่างเดือน พ.ค.- ก.ย.2553 จำนวน 499 ล้านบาท ส่วนปีงบฯ 2554 ต้องใช้เงิน 1,079 ล้านบาท ทั้งนี้ จากข้อมูลเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศจำนวน 84,482 คน พบว่าอัตราเงินเดือนตั้งแต่ต่ำกว่า 5,310 บาทและสูงสุด 40,000 บาทขึ้นไป ซึ่งครูที่เงินเดือนต่ำกว่า 5,310 บาท มีจำนวน 883 คน และเงินเดือนสูงกว่า 11,700 บาท จำนวน 21,347 คน โดยครูโรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่มีอัตราเงินเดือนที่ต่ำ.

เพิ่มประสิทธิภาพระบบยารักษาผู้ป่วย

โดยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยด้านยาของโรงพยาบาลและสถาบันในสังกัดกรมการแพทย์ ให้มีคุณภาพสูงสุดและทัดเทียมกับระดับสากล....

เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดี ม.มหิดล และ นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับคณะเภสัชฯเพื่อเป็นเครือข่ายสู่การพัฒนาคุณภาพระบบการดูแลผู้ป่วยด้านยา โดย ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เนื่องจากยาเป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของการรักษาโรค และนับวันยาใหม่ๆที่ออกมาใช้ก็มีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น การจัดการระบบการใช้ยาที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้การรักษาบรรลุผลที่ต้องการ เกิดผลข้างเคียงน้อยและมีความคุ้มค่า ความร่วมมือครั้งนี้มีผลบังคับใช้ 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2553 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยด้านยาของโรงพยาบาลและสถาบันในสังกัดกรมการแพทย์ ให้มีคุณภาพสูงสุดและทัดเทียมกับระดับสากล และจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนที่เข้ารับบริการจากโรงพยาบาล โดย รพ.ที่ร่วมเครือ-ข่ายได้แก่ รพ.สงฆ์,รพ.ราชวิถี, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, สถาบันประสาทวิทยา, สถาบันโรคทรวงอก และ รพ.เลิดสิน.

เบี้ยยังชีพผ่านแบงก์

คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2555 ส่วนปี งบประมาณ 2554 ยังคงจ่ายเงินผ่านไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นเดิม....

นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนารูปแบบการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านระบบบัญชีธนาคาร ซึ่งเห็นว่าเป็นระบบจ่ายตรงที่ถึงมือผู้สูงอายุมากที่สุด ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ (สท.) ตั้งคณะที่ปรึกษาศึกษาระบบการจ่ายผ่านระบบบัญชีธนาคาร รวมทั้งลงพื้นที่ศึกษาข้อเท็จจริงความเป็น ไปได้ในแต่ละจุด และให้ผนวกการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้พิการเป็นระบบเดียวกันด้วย โดยให้เร่งศึกษาและคาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2555 ส่วนปี งบประมาณ 2554 ยังคงจ่ายเงินผ่านไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นเดิม.

ผงะ! โจ๋ริเปิดโต๊ะรับแทงบอลเอง ซัดนสพ.ส่งเสริมพนัน

วัยโจ๋ริเปิดโต๊ะรับแทงบอลเอง ยอมแม้ผิดกฎหมายหวังหาเงินเล่นพนัน พบเด็กต่ำกว่า 18 ปี ส่ง SMS ทายผลชิงโชค “นักกฎหมายด้านเด็ก” ชี้พรบ.การพนัน ระบุชัด ห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปีเล่น..

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ จัดเสวนา “รู้ทันพนันบอล ตอน สื่อสร้างสรรค์หรือชวนพนัน” โดยนายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายหยุดพนัน กล่าวว่า จากการที่เครือข่ายฯ ทำการสำรวจ “การนำเสนอข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010” ระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในหนังสือพิมพ์ประเภทกีฬา จำนวน 7 ฉบับ พบว่า 47% มีการวิเคราะห์ วิจารณ์ทีมฟุตบอล รวมไปถึงเทคนิคการเล่นของแต่ละทีม เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ทำให้เกิดความสนใจในการเล่นฟุตบอล

ที่น่าเป็นห่วงคือ 41% มีการระบุอัตราต่อรอง การบอกแต้มต่อของการแข่งขันฟุตบอลคู่นั้น ซึ่งลักษณะนี้จะเข้าข่ายการให้ข้อมูลสำหรับการเล่นพนันบอลโดยตรง ส่วนอีก 12% เป็นการฟันธง วิเคราะห์ทำนายผลแพ้-ชนะในแต่ละคู่ โดยมีการวิเคราะห์ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ รวมทั้งผลต่างการยิงประตู ซึ่งอาจเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนำไปใช้ในการเล่นพนันได้ นอกจากนี้ ในผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ทั่วไป จำนวน 6 ฉบับ ยังชี้ให้เห็นว่า 81% นำเสนอเนื้อหาวิเคราะห์ วิจารณ์ 14% ฟันธงผลแพ้-ชนะ และ 5% ระบุอัตราต่อรอง

“หากมองภาพรวมของการนำเสนอข่าวสารของสื่อ ทำให้เห็นชัดว่าเกิดการบรรยากาศเชิญชวนให้พนัน หรือเสี่ยงโชค เพราะสื่อส่วนใหญ่ค่อนข้างเสนอข่าวสารในทำนองให้ความสำคัญกับ ผลแพ้-ชนะ มากกว่าให้ความสำคัญกับบทเรียน นอกจากนี้ สื่อที่ส่งเสริมการขายโดยการใช้วิธี เสี่ยงโชค ด้วยคำพูดว่า ร่วมสนุกหรือร่วมลุ้นโชค ซึ่งถือว่าเข้าขายการเล่นพนันทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นการเล่นพนันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ไม่มีการพูดหรืออธิบายถึงขอบเขต อายุ ของผู้ที่เหมาะสมที่สามารถร่วมทายผลฟุตบอลชิงของรางวัลได้ ทำให้เด็กจำนวนมากถูกดึงเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้เรื่องการเล่นพนันโดย ไม่รู้ตัว ดังนั้นควรจะมีการกำหนดให้ชัดเจนถึงอายุของผู้มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรมเสี่ยงโชค ของธุรกิจต่างๆ” นายธนากร กล่าว

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นักกฎหมายมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากรูปแบบของการพนันแล้ว พบว่าเด็กและเยาวชนตกอยู่ใน 3 สถานะ ได้แก่ 1. เป็นผู้เล่นทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะหากดูจากข้อมูลในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร ปี 2551 จะพบว่า เด็กอายุต่ำสุดที่เล่นการพนัน คือ อายุ 7 ปี 2. เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการพนัน เริ่มตั้งแต่คนเดินโพย คนชักจูง เป็นนายหน้าให้มีการเล่นการพนัน รวมถึงการเดิมพันด้วยแฟนหรือคนรัก และที่เลวร้ายคือ ยอมทำผิดกฎหมายด้วย การขายยาเสพติดหรือการค้าประเวณี เพื่อนำเงินมาเล่นพนันบอล และ 3. เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน เน้นไปที่การเยียวยามากกว่าการลงโทษ ทำให้เด็กและเยาวชนถูกใช้หรือเป็นผู้กระทำความผิดเอง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.ที่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเล่นพนัน คือ พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 7 (3) ระบุชัดว่า ห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปี เล่นการพนันในลักษณะการจับสลากชิงรางวัล ยกเว้นการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล และคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ที่เคยพิจารณาว่า การส่ง SMS ชิงรางวัล ถือผิดกฎหมาย ตามมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.การพนันอย่างไรก็ตามคงต้องดูว่า SMS นี้ ได้มีการขออนุญาติหรือไม่ และประเด็นดังกล่าวอยากให้กฤษฏีกา ตีความออกมาให้ชัดเจน นอกจากนี้ ในส่วนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ยังระบุชัดเจนว่า ไม่ให้ผู้ใดพาเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันไม่ว่าจะเป็นการยินยอมหรือไม่ หากฝ่าฝืน ถือว่ามีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“จากสภาพการเล่นพนันบอลทำให้เกิดความเสียหายต่อเด็กเยาวชนทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ การพัฒนาสติปัญญา อารมณ์ อย่างมาก ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการในการปราบปรามเจ้ามือหรือโต๊ะพนันบอลอย่างจริงจัง รวมถึงการรณรงค์ และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในส่วนของครอบครัว โรงเรียนในฐานะใกล้ชิดเด็กและเยาวชนต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลเด็ก และเยาวชน ให้เวลา ให้ความรู้ ชี้ให้เห็นถึงภัยของการเล่นพนันฟุตบอล และผลที่จะตามมา ในขณะเดียวกันต้องดูแลเด็ก และเยาวชนอย่างใกล้ชิด เช่น สอบถามถึงการใช้จ่ายเงิน การคบเพื่อน” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ด้านนายชาญชัย วิกรวงษ์วณิช เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ กล่าวว่า สำหรับสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุส่วนใหญ่จะพบการนำเสนอข่าวในลักษณะวิเคราะห์ วิจารณ์ ให้ข้อมูลของทีมฟุตบอลและนักบอลเป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีข้อมูลเชิงฟันธงแฝงมาอยู่บ้าง ซึ่งผู้สื่อข่าวอาจจะคิดว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับการติดตามข่าว แต่อยากให้ระมัดระวังในแง่ของเด็กและเยาวชนที่ติดตามชมด้วย เพราะที่เห็นอยู่ตลอดทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกคือการให้ ส่ง SMS เชียร์ทีมที่ชอบ เพื่อลุ้นรับรางวัล ซึ่งการกระทำลักษณะนี้นอกจากจะไม่เป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสนใจกับการเล่นกีฬาแล้วยังเป็นการเชียร์ให้เด็กเริ่มหัดเล่นการพนันเพื่อหวังรางวัล และรายการยังแสดงให้เห็นว่ามีผู้ โชคดีได้รับรางวัล แต่กลับไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้จริงหรือหลอกลวง ที่สำคัญทางรายการได้รับอนุญาตถูกต้องแล้วหรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาตรวจสอบด้วย.

Thursday, July 1, 2010

ความก้าวหน้าทางเกษตรใหญ่ใน10,000ปี พืชผลเกษตรยืนต้น

นักวิทยาศาสตร์การเกษตรของสหรัฐฯ กล่าวแจ้งว่า มนุษยชาติจวนจะย่างเข้าใกล้ "ความสำเร็จทางเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในรอบระยะ 10,000 ปี" เนื่องด้วยนักวิจัยจวนจะปลูก "พืชผลทางเกษตรยืนต้นได้ทั้งปี"

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา พืชผลทางเกษตรต่างๆ จะต้องลงมือเพาะปลูกใหม่แต่ละปี หรือแต่ละหน้า ซึ่งการเพาะปลูกรายปีแบบนี้ ต้องใช้ทุน รอนและแรงงานตามท้องไร่ท้องนาจำนวนมาก

นักวิทยาศาสตร์เรื่องดิน ศาสตราจารย์ จอห์น รีแกนโนลด์ กล่าวว่า "คนพูดถึงความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นเพียงครึ่งเดียวของเรื่อง เราควรจะต้องพูดถึงเรื่องทั้งความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงของระบบนิเวศด้วย"

เขากับคณะได้ยกความสำคัญของ พืชผลทางเกษตรยืนต้นขึ้นมาพูด กล่าวให้เห็นว่าพืชผลแบบนั้นจะไม่จำเป็นต้องเพาะปลูกกันใหม่ทุกฤดู ช่วยประหยัดการใช้เครื่องมือทางการเกษตรไถหว่านไปบนไร่นาแปลงเดียวอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า พืชพันธุ์ ก็จะหย่อนรากลงไปได้ลึก มีระบบรากที่แข็งแรงกว่าพืชพันธุ์ที่ต้องปลูกกันทุกปี และยังจะประหยัดน้ำ ซึ่งน้ำเป็นปัญหาใหญ่ของการเกษตร รวมทั้งยังส่งผลให้กับสิ่งแวดล้อมด้วย

อาจารย์จอห์นบอกต่อไปว่า แม้ ปัจจุบันพืชผลทางเกษตรยืนต้นยังไม่มี แต่ก็อาจจะเพาะขึ้นได้หากพยายามเพียงพอ มันอยู่ที่ทุนรอนที่จะทุ่มลงไปในการวิจัยเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าหากมีงบพัฒนาอย่างพอเพียง พืชพันธุ์เกษตรยืนต้นจะปรากฏขึ้นในเวลาไม่เกิน 20 ปี ในความเห็นของเขา ถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการผลิตอาหาร ไม่ แพ้กับที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เปลี่ยนจากสังคมเที่ยวเก็บหาและล่าสัตว์ มาเป็นสังคมทำไร่ไถนา.

นำพันธุ์สัตว์น้ำหายากโชว์งานประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 22

ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เผยว่า เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ และเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับพันธุ์ปลาสวยงาม สัตว์น้ำ และพรรณไม้น้ำชนิดต่างๆ ให้กับเกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยงผู้ส่งออกภายในประเทศ และยกระดับการจัดงานก้าวสู่สากล กรมประมง ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงานวันประมงน้อม เกล้าฯ ครั้งที่ 22 ขึ้น ระหว่างวันที่ 3-11 กรกฎาคม 2553 ณ ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

โดยปีนี้คณะกรรมการจัดงานได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงเป็นองค์ประธานเปิดงาน พร้อมจัดตู้ปลาสวยงาม ในวันนี้ (1 ก.ค.) ทั้งนี้ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปลานิลพระราชทานเพื่อปวงชนชาวไทย ความรู้ด้านการประมง ได้แก่ ปะการังเทียม เปิดโลกทะเลโคลน ตลอดจนการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหายากประเภทต่างๆ อีกมากมาย.

ยกฟ้องคอมพ์ฉาว สธ.พ้นผิด เจ๊หน่อย-ชาตรีโล่ง

ยกฟ้องคดีคอมพิวเตอร์ฉาว 900 ล้านกระทรวงหมอ ศาลปกครองกลางพิพากษา กระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องเสียค่าโง่ ชี้การยกเลิกการประกวดราคา เป็นไปโดยชอบด้วย กม. ด้าน "สุดารัตน์-วิชัย-ชาตรี"โล่งพ้นผิด...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ศาลปกครองกลาง มีการพิจารณาพิพากษาคดีที่ กิจการร่วมค้า พีสแควร์ ไทยคอม และบริษัท พีสแควร์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นโจท์กยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น มีคำสั่งยกเลิกการประกวดราคาซื้อ และติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ โครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลังและข้อมูลโรงพยาบาลเพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มูลค่า 900 ล้านบาท ในคดีละเมิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1,200 ล้านบาท

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การยกเลิกการประกวดราคา และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้อง จึงไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายให้แก่ผู้ฟ้อง คดีนี้จึงมีคำสั่งพิพากษาให้ยกฟ้อง

ด้าน นพ.วิชัย เทียนถาวร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมยังมีความศักดิ์สิทธิ์ และ หากข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับการถูกฟ้อง คดีนี้ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับข้าราชการที่ตั้งใจทำงานให้มีกำลังใจมากขึ้น ขอให้กำลังใจข้าราชการ สธ.ที่ยึดมั่นในความดี และความถูกต้องว่า ไม่ต้องกลัวขอให้เดินหน้าทำความดีให้ถึงที่สุด ที่สำคัญเมื่อกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายก็หมายความว่า ไม่ต้องนำภาษีของประชาชนมาใช้โดยเปล่าประโยชน์

อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า การประมูลจัดซื้อคอมพิวเตอร์มูลค่า 900 ล้าน ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยในระหว่างที่ตนเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาตัดสินโดยอาศัยความเห็นของทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นกรมบัญชีกลางและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมทั้งการดำเนินการก็ทำในรูปแบบคณะกรรมการ ที่มีการพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบทุกขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ศาลปกครองกลางจะมีคำพิพากษายกฟ้อง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พิจารณาสั่งยกโทษ นพ.ชาตรี บานชื่น นพ.เทียม อังสาชน นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ นายวริทธินันท์ จินดาถาวรกิจ และ นพ.สมชาย เชื้อเพชระโสภณ ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนของกระทรวงสาธารณสุขฐานกระทำผิด วินัยกรณีการจัดซื้อและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มูลค่า 900 ล้านบาทมาก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับโครงการคอมพิวเตอร์ฉาวนี้ เริ่มจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ สธ.ดำเนินการประกวดราคาซื้อ และติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาลของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมูลค่าประมาณ 911,784,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มมีการดำเนินการในเดือนธันวาคม 2546 ในสมัยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา โดยให้ นพ.ธวัช สุนทราจารย์ รองปลัด ขณะนั้นเป็นประธาน แต่หลังจากคณะกรรมการพิจารณาด้านเทคนิคได้สรุปผลการพิจารณาว่ามีบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ 2 บริษัทได้แก่ บริษัทไพร์มลิงค์ จำกัด และกิจการร่วมค้าพีสแควร์ไทยคอม เพียง 1 วัน นพ.ธวัช ก็ลาออกจากการเป็นประธานในวันที่ 8 เม.ย. 2547

จากนั้น ได้มีการแต่งตั้งให้ นพ.ชาตรี บานชื่น ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ ในขณะนั้นมารับหน้าที่แทนในวันที่ 9 เม.ย. 2547 และหลังจากพิจารณาผลการประกวดราคาครั้งแรกก็ได้ข้อสรุปว่า กิจการร่วมค้าพีสแควร์ไทยคอมมีราคาต่ำสุด แต่ปรากฏว่าภายหลัง ได้มีการร้องเรียนขอความเป็นธรรมโดยบริษัทคู่แข่ง คือ ไพร์มลิงค์ และหลังจากมีการประชุมพิจารณาประกวดราคาอีกหลายครั้ง จึงได้ข้อสรุปให้ ยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว โดย นพ.ชาตรี บานชื่น และคณะได้มีความเห็นเสนอไปทางปลัดกระทรวงฯ เพื่อสั่งให้ยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว.

เร่งผลิตปาล์มลูกผสมสุราษฎร์ฯ 7 แก้ปัญหานำเข้าเมล็ดพันธุ์ต่างประเทศ

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เนื่องจากผลตอบแทนการปลูกปาล์มน้ำมันดีกว่าการปลูกพืชชนิดอื่น ประกอบกับมีโครงการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกปาล์มทั่วประเทศ จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูก ส่งผลให้ที่ผ่านมามีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากประเทศคอสตาริกา เบนิน และปาปัวนิวกินีค่อนข้างสูง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร กรมได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี พัฒนาปรับปรุงพันธุ์กระทั่งได้สายพันธุ์ใหม่คือ ปาล์มน้ำมันลูกผสมสุราษฎร์ธานี 7 เป็นผลสำเร็จ ให้ผลผลิตทะลายสดเฉลี่ย 3,646 กิโลกรัม/ไร่/ปี สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรประมาณ 6.6 เปอร์เซ็นต์ และให้ผลผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 881 กิโลกรัม/ไร่/ปี ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 17 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังให้เนื้อในต่อผลสูงเฉลี่ย 11 เปอร์เซ็นต์

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ศูนย์วิจัยฯ สามารถผลิตเมล็ดงอกปาล์มน้ำมันลูกผสมสุราษฎร์ธานี 1-7 ปีละ 4-5 ล้าน โดยในช่วงปี 53/54 คาดว่าจะสามารถผลิตเมล็ดงอกปาล์มน้ำมันลูกผสมสุราษฎร์ธานี 7 ได้ไม่น้อยกว่า 100,000 เมล็ดงอก และปีถัดไปตั้งเป้าไว้ที่ 200,000 เมล็ดงอก ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้เพียงพอกับความต้องการ สำหรับเกษตรกรหรือผู้สนใจสั่งจองเมล็ดงอกและต้นกล้าปาล์มน้ำมันพันธุ์ดี สามารถสั่งจองได้ที่ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี โทร.0-7727-4026, 0-7727-4101, 08-6479-4479 ในวันและเวลาราชการ.

ครูเฮ ก.ค.ศ.ไฟเขียวปรับขึ้นเงินเดือน

เตรียมชงร่างพระราชกฤษฎีกา กงช. หวังดึงคนเก่ง-ดีอยู่ในราชการ เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตข้าราชการ...

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณการปรับปรุงค่าตอบแทนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดึงดูดและรักษาคนเก่งคนดีไว้ในราชการและเพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตข้าราชการ สำหรับปีงบฯ 2554 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้างและค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ 39,792 ล้านบาท และต่อมาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เชิญเลขานุการคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการทุกประเภท และหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องกับการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้างและค่าตอบแทนรายเดือนบุคลากรภาครัฐมาหารือกัน และมีมติให้ข้าราชการทุกประเภทจัดทำข้อเสนอการปรับบัญชีเงินเดือนในอัตราร้อยละ 5 เท่ากัน และให้ ส่งร่างกฎหมายการปรับบัญชีเงินเดือนฯให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) ภายในวันที่ 16 ก.ค.2553 นั้น

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ. ...พร้อมด้วยบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ท้ายร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ซึ่งได้มีการปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากอัตราปัจจุบันที่ใช้อยู่ โดยมีมติ เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.พร้อมตารางการปรับอัตราเงินเดือนแนบท้ายร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะเสนอ กงช. ต่อไป

"สำหรับตารางการปรับอัตราเงินเดือนฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 มีดังนี้ อันดับครูผู้ช่วย จากเดิมแท่งเงินเดือนเริ่มต้นจาก 7,940-16,840 บาท ปรับเพิ่มเป็น 8,340-17,690 บาท อันดับ คศ. 1 จากเดิม 7,940-27,500 บาท เป็น 8,340-28,880 บาท อันดับ คศ.2 จากเดิม 12,530-33,540 บาท เป็น 13,160-35,220 บาท อันดับ คศ.3 จากเดิม 12,530-47,450 บาท เป็น 13,160-49,830 บาท อันดับ คศ.4 จากเดิม 23,230-50,550 บาท เป็น 24,400-53,080 บาท และอันดับ คศ.5 จากเดิม 28,550-64,340 บาท เป็น 29,980-67,560 บาท" นายชินวรณ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ. ได้ซักถามกรณีที่ ศธ. ได้เสนอเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อรับทราบความคืบหน้า ซึ่งตนได้ชี้แจงว่า ศธ. ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ซึ่งขณะนี้ทราบว่า กงช.ได้ พิจารณาโครงสร้างเงินเดือนตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว.

ปรับวิธีสอนสร้างเด็กไทยคิดเป็น

หลังพบคะแนนสอบโอเน็ต ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จะได้คะแนนต่ำ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของเด็กทั้งประเทศว่า ยังขาดความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์...

ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า สมศ.ได้ดำเนินการประเมินคุณภาพภายนอก รอบที่ 2 สถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ 9 ประเภท ได้แก่ ร.ร.ส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์, ร.ร.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, ร.ร.พระปริยัติธรรมฯ, ร.ร.ส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านกีฬา, ร.ร.นานาชาติ, ร.ร.ศึกษาสงเคราะห์, ร.ร.เฉพาะความพิการ, ร.ร.ตำรวจตระเวนชายแดน, ศูนย์การศึกษาฯนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งภาพรวมสถานศึกษาในกลุ่มนี้ได้รับการรับรองร้อยละ 80 ขึ้นไป ถือว่าค่อนข้างดี ยกเว้น ร.ร.พระปริยัติธรรมฯ ซึ่งรัฐต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะมาตรฐานที่ 5 ผู้เรียนมีความรู้และมีทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร ซึ่งเชื่อมโยงกับคะแนนสอบโอเน็ต ทั้งนี้ พบว่าผู้เรียน ร.ร.พระปริยัติธรรมฯต้องสอบบาลีสนามหลวงซึ่งตรงกับวันสอบโอเน็ต ซึ่งคงต้องขอให้ สทศ.เลื่อนวันสอบโอเน็ต ส่วนภาพรวมพบว่ากลุ่มผู้เรียนจะมีมาตรฐาน 5 และมาตรฐาน 4 ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จะได้คะแนนต่ำ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของเด็กทั้งประเทศว่า ยังขาดความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ซึ่งคงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ ส่วนเกณฑ์มาตรฐานอื่นๆ จะมีการปรับให้เหมาะสมกับประเภทของสถานศึกษาพิเศษมากขึ้นในการประเมินรอบ 3 ต่อไป.

เกษตรปล่อยกู้ 2,600 ล้าน เสริมสภาพคล่องธุรกิจสหกรณ์

นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็งและมั่นคงมากยิ่งขึ้น ในปี'53 กรมได้จัดเตรียมเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) จำนวน 2,600 ล้านบาท ไว้ให้สมาชิกสหกรณ์กู้ยืมเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาการประกอบอาชีพ โดยแยกเป็นการสนับสนุนการขยายโอกาสทางธุรกิจ สนับสนุนเพื่อขยายโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนของสมาชิก พร้อมสนับสนุนโครงการพิเศษดอกเบี้ย อัตรา 1 เปอร์เซ็นต์/ปี อาทิ การบริหารจัดการตลาดผลไม้ การส่งเสริมปลูกปาล์มน้ำมัน การป้องกันปัญหาโรคไข้หวัดนก การส่งเสริมความมั่นคงของสหกรณ์ขนาดเล็ก

ทั้งนี้ปัจจุบันได้มีการอนุมัติ/เบิกจ่ายเงินกองทุนฯไปแล้วทั้งสิ้น 726 สัญญา 653 สหกรณ์ รวมเงินกู้กว่า 1,523.97 ล้านบาท คงเหลือ 1,076.02 ล้านบาท หรือประมาณ 41.39% ยังเปิดให้สหกรณ์ต่างๆ เข้ามากู้ยืมไปลงทุนได้ มีเป้าหมายไม่น้อยกว่า 1,200 สหกรณ์ สมาชิกกว่า 600,000 ราย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในปีที่ผ่านมามีการชำระหนี้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าสหกรณ์ที่มีความต้องการเข้าสู่แหล่งทุนส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว.

ห่วงสร้างถนน-ถมคลองพื้นที่ไข่แดงปัญหามรดกโลก

"วสุ" รับปัญหาใหญ่มรดกโลกอยุธยา คือการสร้างถนน-ถมคลองร้างอาคาร ย้ายหน่วยงานราชการออกจากพื้นที่ไข่แดงเป็นเรื่องยากมาก...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายวสุ โปษยะนันทน์ อดีตเลขานุการองค์กรเพื่อการอนุรักษ์โบราณสถานและมรดกวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งในการจัดสรรพื้นที่ให้แก่ร้านค้าบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีผลกระทบต่อความเป็นมรดกโลก ว่าการที่อยุธยาได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้มีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ เมื่อมีปัญหาความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ขายของ ชาวอยุธยาไม่เห็นคุณค่าจึงมีผลต่อพันธสัญญาความเป็นมรดกโลก หากคณะกรรมการยูเนสโกเดินทางมาประเมินคุณค่า ถ้าพบปัญหาต่างๆ แล้วไม่มีการแก้ไข อยุธยาจะถูกขึ้นบัญชีมรดกโลกในภาวะเสี่ยง หรืออันตราย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหานี้จะแก้ได้ แต่ ปัญหาที่ยังรออยู่ก็คือสร้างถนน ถมคลอง สร้างอาคาร ย้ายหน่วยงานราชการออกจากพื้นที่ไข่แดงเป็นเรื่องยากมาก.

ฟันธงนมโฟร์โมสต์ มีน้ำปนเปื้อน ที่สายการผลิต

อย.แจงสาเหตุเกิดจากกระบวนการผลิต มีน้ำปนเปื้อน พบมีสินค้าทั้งสิ้น 134 กล่องใหญ่ ขณะที่บริษัทฯ เรียกเก็บแล้ว 10 กล่อง พร้อมส่งตัวอย่างกรมวิทย์ฯ ตรวจวิเคราะห์คาด1 สัปดาห์ รู้ผล...

จากกรณีที่ประชาชนย่านบางนาและสุวินทวงศ์ ร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ว่า พบนมกล่องยูเอชทียี่ห้อโฟร์โมสต์ รสจืด ขนาด 180 มล. ภายในมีเพียงน้ำสีใส ไม่มีกลิ่นนม ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าววันนี้ (30 มิ.ย.) ว่า เบื้องต้นพบว่า เกิดจากความผิดพลาดของเครื่องจักรในช่วงเวลาประมาณ 20 นาที ทำให้น้ำที่อยู่ในระบบท่อความร้อนของเครื่องจักร ที่เป็นน้ำสเตอร์ริไรซ์ ย้อนกลับเข้าไปในระบบการผลิต ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า สินค้าล็อตที่ผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 134 กล่องใหญ่ หรือเท่ากับ 4,824 กล่องเล็ก บริษัทฯ สามารถเรียกคืนสินค้าได้แล้วจำนวน 10 กล่องใหญ่ โดยจากการตรวจสอบสินค้าล็อตดังกล่าวจัดส่งในเขต กทม.และปริมณฑล ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตรวจสอบร้านค้าในย่านใกล้เคียงทั้งหมด ที่อาจจะมีการรับไปจำหน่ายแล้ว

ด้าน นพ.นรัง สันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ล่าสุด ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จาก อย. ได้เข้าตรวจโรงงานผู้ผลิตนมยี่ห้อดังกล่าวบริเวณย่านจ.สมุทรปราการ พบว่า โรงงานฯ ได้หยุดผลิตนมยูเอชทีจากสายการผลิตที่เป็นปัญหาแล้ว และอยู่ระหว่างซ่อมปรับปรุง จึงมั่นใจได้ว่า จะไม่มีนมยูเอชทีจากสายการผลิตนี้ออกสู่ท้องตลาด ส่วนนมยูเอชที ที่เป็นปัญหากลายเป็นน้ำ ทางผู้ประกอบการแจ้งว่า เกิดในช่วงเวลาประมาณ 15.20 น.โดยได้เรียกเก็บสินค้าที่ผลิตในช่วงนี้กลับคืนจากท้องตลาดแล้ว รวมถึงสินค้าที่ผลิตในวันเดียวกันด้วย และเพื่อให้เกิดความแน่ใจ อย. จะติดตามตรวจสอบคุณภาพของนม ที่ออกสู่ท้องตลาดต่อไป

ผู้สื่อข่าวสอบถาม ไปยังเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับตัวอย่างที่ส่งตรวจ พบว่า อย.ได้นำตัวอย่างนมยูเอชทีดังกล่าวมาทำการตรวจสอบ 2 ล็อต โดยได้ส่งไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยล็อตแรกเก็บมา 3 ตัวอย่าง ที่ได้มาจากผู้บริโภคที่เข้าร้องเรียนจำนวน 2 ตัวอย่าง และอีกตัวอย่างเป็นของเจ้าหน้าที่ที่ออกไปตรวจและนำมาจากท้องตลาด เบื้องต้นคาดว่าอีก 1 สัปดาห์จะทราบผลการตรวจวิเคราะห์ว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ ส่วนล็อตสองได้เก็บมาจากโรงงานการผลิตประมาณ 7 ตัวอย่าง คาดว่าประมาณ 3 สัปดาห์จะทราบผล

ส่วน นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กล่าวว่า หากนมมีลักษณะสีขุ่น หรือใส แสดงว่าไม่มีเนื้อนม ดังนั้น คุณค่าโภชนาการก็ย่อมไม่มี หรือมีน้อยมาก ที่สำคัญหากดื่มเข้าไปอาจมีโอกาสเสี่ยงเกิดอาการท้องเสีย เนื่องจากไม่มีทางทราบว่า ในน้ำนมมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียหรือไม่ ซึ่งในนมยูเอชทีที่เป็นปัญหายังอยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนด้วย ดังนั้น หากพบว่าน้ำนมมีสีขุ่น ใส ไม่ควรรับประทาน ประกอบกับต้องสังเกตภายนอกกล่อง ว่า มีลักษณะบุ๋ม เบี้ยวหรือไม่ รวมทั้งต้องดูฉลาก วันหมดอายุ มี อย.รับรอง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เพราะน้ำนม ยังคงเป็นอาหารที่มีโภชนาการสูง ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโต และบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น.นายเฮ้าส์ เฮ้าสตร้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟรโมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชา) กล่าวว่า จากการตรวจสอบกระบวนการผลิต พบว่า มีข้อผิดพลาดด้านเครื่องมืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิต ทำให้เกิดการบรรจุน้ำสเตอร์ริไลซ์ลงในกล่องบรรจุภัณฑ์แทนนม น้ำดังกล่าวเป็นน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อตามกระบวนการผลิต ซึ่งในการนำพานมออกจากเครื่องสเตอร์ริไลซ์แบบยูเอชทีเมื่อสิ้นสุดการผลิต จึงไม่มีผลอันตรายใดๆ ต่อสุขภาพของผู้ดื่ม

กก.ผจก.ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ ฯ กล่าวด้วยว่า บริษัทจากการตรวจสอบพบอีกว่า ผลิตภัณฑ์ล็อตดังกล่าวมีจำนวน 14,000 หีบ มีความผิดพลาดเกิดขึ้น 300 หีบ คิดเป็นสัดส่วน 0.02% ของจำนวนผลิตภัณฑ์โอเมก้า 369 ที่ผลิตในวันนั้น ทันทีที่โฟรโมสต์ทราบเรื่อง ก็ได้ตัดสินใจดำเนินการเรียกเก็บผลิตภัณฑ์โอเมก้า 369 รสจืด ขนาด 180 มล. ในบรรจุภัณฑ์กล่องยูเอชที รหัสสินค้า 28.01.11 จากตลาดทั้งหมด หากผู้บริโภคพบกรณีดังกล่าวจากผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไป สามารถติดต่อศูนย์ข้อมูลผู้บริโภคโฟรโมสต์ โทร.0 2620 1980 ในวันและเวลาทำการ

เตือนห้ามคนกิน ว่านจักจั่น มีพิษจากเชื้อรา

นักวิจัยไบโอเทค ยืนยัน "ว่านจักจั่น" ไม่ใช่ว่าน แต่เป็นตัวอ่อนจักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา ย้ำไม่ควรนำมาบริโภคทั้งกินสด หรือต้มเพื่อรักษาโรคตามความเชื่อเด็ดขาด อาจทำให้วิงเวียน อาเจียนท้องร่วงรุนแรงได้...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสายัณห์ สมฤทธิ์ผล นักวิจัยห้องปฏิบัติการราวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงข่าวที่มีชาวบ้านจำนวนมากออกมาขุดหาว่านจักจั่น ในบริเวณป่าช้าวัดบ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เนื่องจากเชื่อว่าเป็นเครื่องรางของขลังที่ช่วยให้มีโชคลาภว่า ว่านจักจั่นที่ชาวบ้านพยายามขุดนั้น เป็นจักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา คาดว่าเป็นตัวอ่อนในช่วงที่กำลังจะขึ้นมาลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยบนพื้นดิน

นักวิจัยไบโอเทค กล่าวว่า ในระยะลอกคราบ ร่างกายจักจั่นจะอ่อนแอ เมื่อเจอกับฝนตกและอากาศที่ชื้น จึงมีโอกาสติดเชื้อราจากแมลงที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติได้ง่าย กลายเป็นโรคและตายในที่สุด หลังจากที่จักจั่นระยะตัวอ่อนเสียชีวิต เชื้อราจะแทงเส้นใยเข้าไปเจริญในตัวจักจั่นเพื่อดูดน้ำเลี้ยงเป็นอาหาร และเจริญเติบโตเป็นโครงสร้างสืบพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายเขาบริเวณหัว มีหน้าที่ในการสร้างสปอร์เพื่อแพร่พันธุ์เชื้อรา จึงทำให้ดูเหมือนว่าจักจั่นมีเขา มีแขน มีขา โดยเราเรียกลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ว่า ราแมลง

ซึ่งจากการเก็บตัวอย่างจักจั่นที่มีการขุดค้นพบในช่วงเดือน มิ.ย.ปี 2552 มาตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่า เป็นราที่อยู่ในสกุล คอร์ไดเซพ (Cordyceps sp.) ส่วนจะเป็นชนิดใดนั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบทางพันธุกรรม การนำว่านจักจั่น หรือราแมลงมาเก็บไว้กับตัว หากดูแลรักษาไว้ไม่ดีก็อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากราบนตัวจักจั่นที่ขุดขึ้นมาอาจยังมีชีวิตอยู่และสร้างสปอร์ได้ และแม้ว่าจะนำมาทำความสะอาด หรือใส่กรอบเหมือนกรอบพระ ก็อาจจะยังมีราหลงเหลืออยู่ เพราะว่าราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก อีกทั้งในช่วงนี้เป็นฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูง หากเก็บรักษาไม่ดี จะทำให้มีเชื้อราชนิดอื่นๆ มาเจริญเติบโตซ้ำได้อีกหากเป็นเชื้อราที่ก่อโรคในคนแล้วก็จะยิ่งเป็นอันตรายอย่างมาก

นักวิจัยไบโอเทค กล่าวด้วยว่า ข้อควรระวังที่สำคัญ คือ ห้ามนำมารับประทานโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะกินสด หรือนำมาต้มน้ำดื่ม ตามความเชื่อที่ว่าช่วยรักษาโรคได้ เพราะแม้จะยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่แน่ชัดว่ามีพิษหรือไม่ แต่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2552 ได้มีรายงานพบว่า มีชาวบ้าน จ.ร้อยเอ็ดนำว่านจักจั่นมาต้มน้ำรับประทาน ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ดี ราแมลงไม่ได้พบแค่เฉพาะจักจั่นเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในแมลงทั่วไป เช่น หนอน ด้วง แมลงวัน มวน เพลี้ย ผีเสื้อ ปลวก แมงปอ และแมงมุม เป็นต้น ซึ่งชนิดของราที่พบก็จะแตกต่างกันไป จึงถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์หรือสิ่งแปลกประหลาด จึงอยากเตือนประชาชนให้ใช้วิจารณญาณ อย่าตกเป็นเหยื่อจากความเชื่อในครั้งนี้.

ขอยูเนสโกเลื่อนประชุม สกัดเขมรพัฒนา'พระวิหาร'

รัฐบาลไทยย้ำ ชัดเจนไม่มีการตกลงใดๆ กับกัมพูชา จนกว่าจะมีการตกลงเรื่องปักปันเขตแดนให้เรียบร้อย โดยหารือกับผอ.ใหญ่ยูเนสโก ควรเลื่อนการประชุมร่วมสามฝ่าย และ Pre-ICC ออกไป...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยพิเศษ ครั้งที่ 9 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อช่วงกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้รับคัดเลือกจากกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิค แอฟริกาและยุโรปตะวันออก ให้เป็นรองประธานที่ประชุมกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ครั้งที่ 34 ที่กรุงบราซิลเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ 25ก.ค.- 3 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาวาระสำหรับการประชุมเอาไว้ 3-4 ประเด็น แต่มีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทยโดยตรง คือ กรณีที่กัมพูชาต้องเสนอแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ เข้าพิจารณาในคราวนี้ โดยเป็นไปตามมติของกรรมการมรดกโลกในปี 2552 ที่สเปน รวมทั้งประเด็นการพิจารณามรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายด้วย ในส่วนของแผนพัฒนาปราสาทพระวิหาร รัฐบาลไทยยังคงท่าทีชัดเจนว่าจะยังไม่มีข้อตกลงใดๆกับทางกัมพูชา จนกว่าจะมีการจัดการปักปันเขตแดนไทย –กัมพูชาให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะถ้าเขตแดนชัดเจนแล้ว จึงจะทำให้มีการตัดสินใจในขั้นต่อมาได้

นายสุวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้หารือร่วมกับมาดามไอรินา โบคาวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ว่าทางคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย มีความเห็นตรงกันว่าปัจจุบันปัญหาการปักปันเขตแดนไทย -กัมพูชายังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นจึงควรเลื่อนการประชุมร่วมสามฝ่าย และการประชุม Pre-International Coordinating Committee (Pre-ICC) ที่ยูเนสโกเสนอออกไปก่อน ตนแจ้งว่าหากจะมีการประชุมขอให้มีลักษณะไม่เป็นทางการ จนกว่า 2 ประเทศจะตกลงเรื่องเขตแดน ที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเร็วๆ นี้อีกครั้ง เพราะต้องเตรียมตั้งรับเรื่องพระวิหารอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบ.

วธ.ไฟเขียวแบ่งเค้กงบ53ล้านหนุนหนัง 41 เรื่อง

บอร์ดภาพยนตร์ชาติ อนุมัติจัดสรรงบฯ 53 ล้าน ที่ตัดมาจากหนัง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" เอามาสนับสนุนภาพยนตร์เพิ่มอีก 41 เรื่อง..

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคิรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คณะกรรมการอนุกรรมการได้พิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสนับสนุนกิจกรรม หรือโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาจัดสรรงบในโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือเอสพี 2 จำนวน 53.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ตัดจากการสนับสนุนจากภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3-4

โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำงบจำนวนดังกล่าวไปสนับสนุนอุตสาหกรรมรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 41 เรื่องและ 1 กิจกรรม ดังนี้ ภาพยนตร์ยาว 7 เรื่อง 23.9 ล้านบาท ได้แก่ อริยะ, รักละไมล์, อสรพิษ, ทางรถไฟมรณะ, คนจนผู้ยิ่งใหญ่/ชนบทสตอรี่/สถานี 4 ภาค, พี่/น้อง/ศัตรู/เพื่อน ส่วนภาพยนตร์เชคเปียร์ต้องตายของนายมานิต ศณีวานิชถูมิ และนายสมานรัชฎ์กาญจนะวณิชย์ ที่ประชุมเห็นชอบให้กลับมาตรวจสอบเนื้อหาและตัวอย่างของภาพยนตร์ดังกล่าว เนื่องจากเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมและเนื้อหาบางส่วนมีความรุนแรงและไม่เหมาะสม โดยจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ

ส่วนภาพยนตร์สั้น 5 เรื่อง งบประมาณ 3 ล้านบาท ได้แก่ ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติและหนังสือเล่าเรื่องด้วยภาพ, ลวง, ผ้าขี้เหล่ขี้ริ้ว, จรรยาบรรณ และ 69 ภาพยนตร์สารคดี 8 เรื่อง งบประมาณ 5.93 ล้านบาท ได้แก่ 3 แพร่ง, สยามมานุสสติ, คนภูเขา, เพลงของข้าว, ประสบการณ์ครอบครัวเรียนรู้ ควบกล้ำ ธรรมชาติ, ฉันอยู่นี้ เธออยู่ไหน, 9 วันศุกร์, BABY ARABIA ภาพยนตร์นอกกระแส 7 เรื่อง 8.57 ล้านบาท ได้แก่ ไฮโซ/ที่รัก, ลมทะเลใต้, นิรันดร์, ที่ว่างระหว่างสมุทร, สงกรานต์ที่บ้านไร่, ทางกลับบ้าน, ผีขนุน และภาพยนตร์ชุดหรือละครชุด 3 เรื่อง 2 ล้านบาท ได้แก่ อุมมี : สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้ามารดา, บทละคร เรื่องพระเจ้าอโศกและสามเณรนิโครธ, เมืองขาวเมืองดำ ส่วนประเภทเกม 2 เรื่อง 3 ล้านบาท ได้แก่ ไทยสไปซ์ และตะลุยโลกไดโนเสาร์ ประเภทแอนิเมชัน 7 เรื่อง 7 ล้านบาท ได้แก่ ECHO PLANT, พญาคันคาก, มหัศจรรย์รัตน์โกสินทร์, สามเหลี่ยมทองคำ, ของฝากจากทะเล, โอริณกับจิณนา, พี่น้องวัยใสหัวใจคุณธรรม, วัยใสหัวใจธรรมมะ ส่วนกิจกรรม 1 เรื่อง 500,000 บาท ได้แก่ คนสร้างหุ่น

รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเชื่อว่า การจัดสรรงบฯ รอบสอง ไม่น่าจะมีปัญหาการร้องเรียนเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะได้ยึดตามหลักเกณฑ์และพิจารณาอย่างยุติธรรมตรวจสอบได้ ส่วนที่หลายฝ่ายอาจจะมองว่าภาพยนตร์เชคเปียร์ต้องตายของนายมานิต ที่จะมีการตรวจสอบเนื้อหาภาพยนตร์เพื่อจัดสรรงบให้ เพราะออกมาร้องเรียนให้ตัดงบตำนานสมเด็จพระนเรศวรนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะรอบแรกภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้คะแนนอยู่ในอันดับที่ 50 กว่า ซึ่งการสนับสนุนต้องเลือกเพียง 49 โครงการ แต่เมื่อพิจารณาอีกรอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวคะแนนอยู่อันดับต้นๆ ดังนั้นการได้รับการพิจารณาเพื่อรับงบสนับสนุนจึงไม่เกี่ยวกับที่ออกมาร้อง เรียนแน่นอน.

กรมควบคุมโรคยันไม่มีหลักฐานหมูยอห่อพลาสติกอันตราย

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ ยังไม่การพิสูจน์หลักฐานที่แท้จริงว่าหมูยอที่ห่อด้วยพลาสติกปนเปื้อนสาร Clostridium botulinum แนะผู้บริโภคเลือกซื้อหมูยอที่ผลิตใหม่ มีการระบุวันผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน และควรปรุงให้สุกเพื่อความปลอดภัยในการรับประทาน...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ "ไทยรัฐออนไลน์" ถึงกรณีที่นพ.สมชาย ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 (สคร.5) จ.นครราชสีมา ออกมาเตือนภัยผู้บริโภคที่จะรับประทานหมูยอดิบ อันตรายอาจถึงแก่ชีวิตได้ หากพบว่ามีสาร Clostridium botulinum ปนเปื้อนอยู่ ว่า โดยปกติแล้วหมูยอไม่น่าจะมีโอกาสที่จะเกิดเชื้อดังกล่าวได้ง่ายๆ หากสันนิษฐานในหลายๆ ส่วนจะพบเห็นชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์หมูยอในรุ่นหลังๆ จะถูกบรรจุด้วยพลาสติก ซึ่งหากห่อแน่นจนกระทั่งอากาศไม่สามารถเข้าไปได้ และหากว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตนั้นเกิดการปนเปื้อน ก็อาจส่งผลให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ แต่สาเหตุดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดขึ้นได้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดการปนเปื้อนได้ในกระบวนการปรุงอาหารก็เป็นได้ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงที่ส่งผลอันตรายนั้นยังไม่สามารถสรุปออกมาเป็นที่ชัดเจน

นพ.มานิต กล่าวต่อว่า วิธีการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนนั้น แนะนำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อหมูยอที่ผลิตใหม่ มีการระบุวันผลิตและวันหมดอายุบนหีบห่อผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนเห็นได้ชัด เพราะถ้าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้นานเกินไปและมีสาร Clostridium botulinum ปนเปื้อนอยู่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ ส่วนที่มองว่าการหันมาใช้พลาสติกห่อหมูยอแทนใบตอง ก่อให้เกิดอันตราย กรณีนี้ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ความจริงว่าก่อให้เกิดอันตรายจริง เพราะหมูยอบางแห่งก็ไม่ได้บรรจุหีบห่อแน่น ยังมีอากาศเข้าไปได้ ถ้ามีสารอันตรายจริงเมื่อเจอกับอากาศสารเหล่านั้นก็จะตายไปเอง

"ดังนั้นเวลาที่จะรับประทานก็ขอให้ผู้บริโภคปรุงให้สุกและเดือดก่อนที่จะนำมารับประทาน เพื่อความปลอดภัย ขอฝากไปยังผู้ประกอบการและผู้ผลิตหมูยอทั่วไปด้วยว่าควรเน้นและระมัดระวังในเรื่องของความสะอาดเพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องการันตีว่าสินค้าของท่านมีคุณภาพและความปลอดภัยแก่ร่างกาย" อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว.

อาเซียนชูไทยต้นแบบดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์

เนื่องจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ สามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสแบบ 3 ชนิดภายใต้งบประมาณจากภาครัฐ ตั้งแต่ปี 2545 ภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ASEAN Consultation on Regional Framework on Greater Involvement and Empowerment of People Living with HIV ว่า กระทรวงสาธารณสุข ของประเทศไทย และสำนักงานเลขาธิการอาเซียนร่วมกันเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อนำผลที่ได้จากการประชุมไปพัฒนาการจัดทำแผนงานด้านการ มีส่วนร่วม และเพิ่มศักยภาพผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ระดับภูมิภาค ฉบับที่ 4 (ค.ศ.2011-2015)

การประชุมดังกล่าวมีผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย รวมถึงผู้แทนจากผู้ติดเชื้อ HIV องค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNDP UNAIDS องค์การอนามัยโลก และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและ เครือข่ายผู้ติดเชื้อ HIV นำเสนอแผนการเพิ่มศักยภาพและการมีส่วนร่วมของผู้ติดเชื้อ HIV ระดับภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งกำหนดกิจกรรมและขอบเขตของแผนงานระดับชาติ และนำไปเป็นกรอบการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพและการมีส่วนร่วมของผู้ติดเชื้อ HIV ระดับภูมิภาคอาเซียน ต่อไป

ด้าน นางจินตนา ศรีวงษา กล่าวว่า ผู้แทนสำนักงานเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียน คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวี มากกว่า 1.6 ล้านคน สำหรับ ประเทศไทย นั้น คาดว่าในปี พ.ศ. 2553 จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อฯ และผู้ป่วยเอดส์ที่ยังมีชีวิต ประมาณ 500,000 ราย อีกทั้งทางกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย เป็นต้นแบบของประเทศที่มีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์สามารถ เข้าถึงบริการดูแลรักษา ด้วยยาต้านไวรัสแบบสามชนิด ภายใต้งบประมาณจากภาครัฐ โดยเริ่มนโยบายนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 มีแนวทางมุ่งเน้นการส่งเสริมการรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์อย่างครบถ้วนและ ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดปัญหาเชื้อดื้อยาในอนาคต รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างและรากฐานของการบริการทางการแพทย์และสังคม เพื่อนำเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.